โดย…กองบรรณาธิการ thaiQuote
ยังคงแว่วเสียงที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากประเด็นของ “สมาชิกวุฒิสภา” หรือส.ว. ที่ช่วงยามนี้กำลังถูกสังคมถามคำถามอย่างหนักถึงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนของประชาชน ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะยอมเสียสละมากน้อยแค่ไหน กับการช่วยเหลือคนไทยร่วมกันในการฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน
ประเด็นเรื่อง “เงินเดือนของส.ว.” ถูกหยิบขึ้นมาเป็นหัวข้อพูดคุยในแต่ละบ้านสำหรับคอการเมืองที่ต้องกักตัวในชั่วยามนี้ และแสดงออกทางความเห็นผ่านได้เพียงในช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และดูเหมือนว่าเสียงของคนไทยจะพุ่งไปเรื่องที่ให้บรรดาส.ว.ทั้งหมดในสภา ยอมสละเงินเดือนตัวเองเพื่อมาเป็นทุนในการช่วยชาติร่วมกัน
เช้าวันที่ 8 เมษายน 2563 รายการข่าว “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 ได้สัมภาษณ์กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กลางรายการ ซึ่งส.ว.ผู้นี้ระบุว่า “ไม่เห็นด้วย” หากจะให้ส.ว.มาสละเงินเดือนค่าทำงาน รวมไปถึงตัวส.ส.ด้วยเช่นกัน เพราะว่าหากให้สละเงินเดือน 3 เดือน ก็จะได้เงินมากสุดเพียงแค่กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ส.ว.อย่างกิตติศักดิ์ระบุว่า มันไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก
“อีกทั้ง ส.ว.และส.ส. ก็ไม่ได้ร่ำรวยกันทุกคน บางคนมีเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีภาระค่าลงพื้นที่กันอีกมาก” นั่นคือเหตุผลที่กิตติศักดิ์ ร่ายเอาไว้ในรายการ และฟังดูก็น่าจะเป็นเหตุผลพอสมควร หากว่าส.ว.ไปลงพื้นที่จริงเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน
อีกหนึ่งเหตุผลที่กิตติศักดิ์ ให้ไว้ในรายการข่าวดัง เขามองว่าประเทศไทยยังไม่ได้ “ถังแตก” ในขณะนี้ ที่ต้องมาให้ส.ว. ส.ส. หรือแม้แต่ข้าราชการมาสละเงินเดือนทั้งหมด พร้อมกันนี้ รัฐบาลเองก็มีงบประมาณในการช่วยเหลืออยู่แล้ว
“คนที่เสนอประเด็นนี้้อย่าแค่เอามันทางการเมือง” กิตติศักดิ์ ย้ำ และไม่ได้ต้องการดราม่าใดๆ หากแต่ว่าจริงๆ แล้วส.ว.ก็ลงพื้นที่ไปแจกของช่วยชาวบ้านอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น
ในวันเดียวกันนี้เอง ก็มีความร้อนแรงปะจุตัวขึ้นอย่างจางๆ เมื่อ “นพ.เหวง โตจิราการ” แนวรวมกลุ่มนปช. หรือคนเสื้อแดง ก็ออกมาแสดงทัศนะในโลกออนไลน์กับประเด็นการสละเงินเดือนของส.ว.
นพ.เหวง บอกว่าตัวเองรู้สึกขอบคุณ กับส.ว.ที่ไม่สละเงินเดือนให้เป็นทุนชาติสู้โควิด-19 เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าบรรดานัการเมืองมีธาตุแท้เป็นคนอย่างไร และถึงกับใช้คำที่รุนแรงว่า “เห็นแก่ตนเองมากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน”
“ส.ว.เสียงแตกเรื่องสละเงินเดือนช่วยสู้ศึกโควิด
ก็ขอบคุณครับ ประชาชนจะได้เห็นธาตุแท้ของคนพวกนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าเอาเข้าจริง “เห็นแก่ตนเองมากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน”
ส.ว.ไม่มีหน้าที่ไปดูแลราษฎร พวกคุณจะอ้างเอาเรื่องไปดูแลราษฎร มาปกปิดธาตุแท้ของพวกคุณนั้น “ฟังไม่ขึ้นครับ”
ส.ว.ชุดนี้มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง ยกย่องเชิดชูเผด็จการทหารคสช. เพราะพวกเขามาจากการทำคลอดของคสช.
อันที่จริงประเทศนี้ไม่ต้องมีส.ว.ก็ได้ ให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การดูแลตรวจสอบ ของตัวแทนที่ประชาชนเลือกกันมาโดยตรง นั่นคือส.ส.ก็พอแล้วครับ
ประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องมีส.ว.ครับ ถึงเวลาที่จะต้องยกเลิกส.ว.กันแล้วครับ ในบรรยากาศสู้ศึกโควิด-19นี่แหละครับ
ยิ่งเห็นชัดเลยว่า ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ 60 ของคสช. ให้ประชาชนยกร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนขึ้นมา จากนั้นทำประชามติแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
จึงจะได้รัฐบาลประชาธิปไตยประชาชนที่แท้จริงขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า เทียบประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงได้
รัฐบาลประชาธิปไตยกำมะลอได้แสดงให้เห็นถึง “ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินโดยสิ้นเชิง”
ก่อนโควิด รัฐบาลก็สร้างหนี้สินไว้มากมาย (ต้องรวมตั้งแต่ยึดอำนาจเพราะป็นการต่อเนื่องสืบกันมา)กว่า7ล้านล้าน ทำให้คนจนยิ่งจนดิ่งเหว คนรวยยิ่งรวยล้นฟ้า ความเลวร้ายของความแตกต่างรวยจนมากที่สุดของโลก เศรษฐกิจดิ่งเหวไม่เห็นหนทางจะโงหัวขึ้น
หลังโควิด ไร้สมรรถนะการนำโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถดำเนินการป้องกันโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเรื่องอื้อฉาวคอรัปชั่นโกงกินเกี่ยวกับอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันของแพทย์และของประชาชน(แมสก์ PPE) ไข่ราคาแพงมากขึ้น(ฟองละ5-6บาท)การรับคนไทยที่กลับมาจากต่างแดนก็ทำอย่างบกพร่องจนแทบจะไม่ใช่เป็นคนไทยด้วยกันเอง
แต่กลับไม่ปฏิเสธคนจากดินแดนแห่งการแพร่เชื้อทั้งหลายโดยไม่ได้มีมาตรการอันเหมาะสม
เราจำต้องทนอยู่ภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยกำมะลอ ในระหว่างที่มหันตภัยโควิด-19คุกคามประเทศไทยและโลกไปจนกว่าโรคร้ายจะเบาบางลง
แต่หลังจากนั้นประชาชนไทยคงต้องร่วมกัน หาทางเปลี่ยนแปลง “ประชาธิปไตยกำมะลอ” ให้เป็น “ประชาธิปไตยแท้จริง”กันเสียที”
แล้วคนไทยล่ะ คิดเห็นกันอย่างไร
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ