โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote
เป็นเรื่องขนานใหญ่แล้วสำหรับ “พรรคของรัฐบาล” เพราะล่าสุดกับประเด็นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะมี “มติใหญ่” ที่ขอเสียงจากเหล่าบรรดาส.ส.หลายร้อยชีวิต เพื่อให้หาทางออกว่า “สมควร” หรือไม่ หากจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44
ญัตติด่วนตัวนี้ ถูกดันเข้าสู่ที่ประชุมขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายใหญ่ของรัฐบาลกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่เกาหลีใต้
ผลปรากฏว่ามันมีความโกลาหลวุ่นวายออกมา เพราะผลโหวตดอกแรก “มีผู้เห็นด้วยให้ตั้งกมธ.ชุดดังกล่าวที่ 234 เสียง และไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากสมาชิกที่เข้าประชุมทั้งหมด 467 คน”
ร้อนสิงานนี้ อุณหภูมิในหน้าหนาวจะหนาวขนาดไหนก็ไม่มีผลต่อรัฐสภา เพราะพรรครัฐบาลภายใต้การนำในการจัดตั้งของ “พลังประชารัฐ” ก็รู้กันดีทั้งบางว่าเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือที่คนไทยคุ้นหูมาตลอดกว่า 5 ปีว่า “คสช.” ที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จในยุครัฐบาลก่อนได้สานต่อภารกิจมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน
อย่างนี้ถูกโหวตสวนพ่ายแพ้ให้มีการตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากม.44 ของคสช. ก็เสียหน้า และเสียหายอย่างมาก
เพราะนั่นมันย่อมหมายถึงว่า ทุกอย่างที่ “คสช.” เคยทำเอาไว้ มันอาจจะถูกหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบ และศึกษาผลกระทบได้ อีกทั้งแน่นอนว่ามันจะเสียหายไปถึงการทำงาน
แน่นอนว่า “สันหลัง” ของพรรคพลังประชารัฐ ต้องเย็นวาบในทันทีเมื่อเย็นวันที่ 27 พฤศจิกายน ก่อนจะแก้เกมว่าส.ส.บางส่วนไม่ครบองค์ประชุม ไม่อยู่ในห้องในสภา เพราะทำธุระส่วนตัว สุดท้ายเกิดข้อถกเถียงระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน และเกิดการ “วอล์คเอาท์” กันกลางที่ประชุม
ประเด็นที่น่าสนใจคือ คนของพรรคร่วมรัฐบาล “มีใครปันใจ” หรือเปล่า เพราะแม้จะเสียงปริ่มน้ำที่ตีคู่กันมาตลอดระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ถึงไงเสียก็ไม่น่าจะต้องมาแพ้ราบคาบ หากมีการ “ดีล” กันเอาไว้ก่อนตามแบบฉบับการเมืองไทย เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครโหวตสวนข้อเสนอเพื่อพยุงรัฐบาลให้เดินหน้าต่อ
อย่างยิ่งกับประเด็นสำคัญอย่าง “ญัตติ” นี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องพลาดไม่ได้ แต่ไม่ทันไรก็มีการพลาดให้เห็น
สุทิน คลังแสง จากเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือประธานวิปฝ่ายค้าน ก็ขย่มตีรัฐบาลในบัดดล ด้วยวลีที่สะเทือนไปถึงเกาหลีใต้ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเดินทางกลับมาประเทศไทย
“วันนี้ ฝ่ายรัฐบาลร่วมลงมติ ‘เห็นด้วย’ กับเราหลายคน ผมขอชื่นชม และขอบคุณ เชื่อว่าพวกเขา (ส.ส.บางส่วนจากพรรคร่วมรัฐบาล) อยากเห็นผลจากการใช้อำนาจพิเศษที่ผ่านมา ที่มีผลกระทบต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน”
ตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง
เป็นเรื่องที่ “ปล่อยผ่าน” ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเริ่มเห็นเค้าลางของ “งู่เห่า” กันบ้างแล้วสำหรับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะโต้โผใหญ่อย่าง “พลังประชารัฐ” ที่ไม่ต้องไปเสียเวลาวนเวียนหางู่เห่าจากพรรคอื่น จนลืมไปว่าในบ้านตัวเอง อาจจะมี “งู” กับเขาอยู่เหมือนกันก็เป็นได้
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีเก้าอี้อีกตัวให้นั่งคือ “ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ” จะต้องเข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วนและรีบไขหาสาเหตุถึงปัญหาให้ได้ว่า เหตุใดทำไมวินาทีสำคัญ ส.ส.ของตัวเองถึงออกไปข้างนอกห้อง ไปธุระส่วนตัว หรือมีใครปันใจให้กับคนข้างบ้านกันแน่
เพราะเคลียร์ไม่กระจ่าง แม้แต่สังคมยังอึมครึม สถานะของรัฐบาลเองก็มีสิทธิ์จะสั่นคลอน
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ฝ่ายค้าน วอล์กเอาต์ ต้านโหวต ตั้ง กมธ.มาตรา 44 ใหม่ ทำสภาล่มรอบ 2