หลายปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่หรือไม่ โปรดไปฟังการวิเคราะห์จากคุณไพศาล มังกรไชยา
นายไพศาล มังกรไชยา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ได้ ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊ก Thaiquote เรื่อง “คนจีนไม่หายไปไหน..แต่ไม่เหมือนเดิม” โดยกล่าวถึงการท่องเที่ยวของไทยเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมาบูมมากเพราะได้รับอานิงส์ของนักท่องเที่ยวจีนที่มากันเป็นกลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของนักท่องเที่ยวจีนในเมืองไทย แต่ยุคทองนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบันนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศไทยไม่น้อย แต่เป็นคนกลุ่มใหม่ที่เน้นการท่องเที่ยวด้วยตนเอง เป็นนักท่องเที่ยวชนชั้นกลาง มีการวางแผนมาดี (สามารถติดตามการไลฟ์สด มุมมองประเด็นดังของ คุณไพศาล มังกรไชยา ได้เป็นประจำที่ Thaiquote)
วันนี้จะคุยเรื่องท่องเที่ยว เพราะชิมช้อปใช้เฟส 3 เน้นเรื่องท่องเที่ยวที่สะดวกมากขึ้น เน้นที่กระเป๋า 2 ถ้าใช้ถึง 30,000 คืน 15 % ไม่เกิน 50,000 ก็ 20 % ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่นิยมเข้ากระเป๋า 1 เลยทำให้เป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้เข้ากระเป๋า 2 ไม่เป็นไปตามเป้า ต่างก็วิเคราะห์ตรงกันว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเข้ากระเป๋า 1 มากจนไปเบียดคนที่อยากเข้ากระเป๋า 2 แต่รอบนี้เน้นเฉพาะกระเป๋า 2 ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการท่องเที่ยวและกิน โดยจะขยายเวลาไปถึงตรุษจีนปีหน้า ต้องดูพรุ่งนี้ (14 พ.ย.62)ว่าการตอบรับจะเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าภาคท่องเที่ยวเป็นภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ภาครัฐจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการต่างๆ เพื่อมากระตุ้นภาคนี้จึงเกิดขึ้นหลายมาตรการ ชิมช้อปใช้ก็เป็นหนึ่งในมาตรการนั้น
นอกจากนี้การท่องเที่ยวไทยหลายปีมานี่ได้ฝากกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ท่องเที่ยวไม่มา ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวของเราซบเซาและประสบปัญหา คนที่ลงทุนตกแต่งเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ต้องขาดทุนและเสียหาย โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะเดิมคนจีนไปเชียงใหม่กันมาก แต่จู่ๆ ตอนนี้คนจีนไม่ไปเชียงใหม่ เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวพัทยามาก็ยังเห็นคนจีนมาเที่ยวพัทยามากอยู่ ตอนนี้ต้องเรียกพัทยาเป็นเมืองจีน นักท่องเที่ยวจีนมีอิทธิพลต่อพัทยา ทำให้พัทยาหันเหไป มีตัวอักษรจีนมากขึ้น บริการที่สอดรับกับนักท่องเที่ยวจีนมีมากขึ้น เช่นรถเช่า ครั้งหนึ่งเยอรมัน ตามมาด้วยรัสเซีย แต่ตอนนี้เป็นจีน
เพราะฉะนั้นคนจีนไม่ได้หายไปไหน พัทยายังคงมีคนจีนอยู่ เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลง การเที่ยวกันเป็นกรุ๊ฟลดน้อยลง แต่จะเที่ยวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ชาวบ้านชนบทมีรายไดมากขึ้นก็มาเที่ยว และยังมีแคมเปญทัวร์ 0 เหรียญคือมาเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยจับจ่ายใช้สอยที่นี่ ยิ่งมีภาพยนตร์จีนมาสร้างในเมืองไทยที่มีดาวตลกชื่อดังเทียบกับไทยคือหม่ำ มีการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ และภูเก็ต ทำให้คนจีนอยากตามรอยหนัง เชียงใหม่เลยบูม แต่เมื่อไม่มีพวกทัวร์แล้ว
คนจีนกลุ่มใหม่ๆ อยากมาอยู่ทะเล พัทยา และภูเก็ตเป็นจุดที่มาอยู่มาก เพราะนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหม่ของจีนอยากมาเที่ยวทะเล อยากมาใช้ชีวิต และใช้จ่าย พวกนี้เป็นชนชั้นกลาง วางแผนการท่องเที่ยวเอง มีการศึกษา หลายคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร กลุ่มนักท่องเที่ยวประเภทนี้จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนักธุรกิจต้องมีการปรับตัว แรกๆ ปริมาณลดลง แต่เชื่อว่าในอนาคตคุณภาพสูงขึ้น จะรู้จักจับจ่ายใช้สอย มีการศึกษาและวางแผนกันมาล่วงหน้า
แต่จะมองว่าเป็นยุคทองของการท่องเที่ยวจีนนั้นถือว่าผ่านไปแล้ว นอกจากนี้ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญที่บอกว่าเป็นย่านของคนจีน ก็ต้องบอกว่าซบเซา คนจีนที่มีเงินก็ผ่องถ่ายเงินมาลงทุนในประเทศไทยเพื่อที่จะมาเก็บเงินคนในชาติเดียวกันในช่วงของการท่องเที่ยวบูมนั้น นำสินค้าไทย สมุนไพร ของใช้ไทยๆ มาหวังจะขายคนจีน ตอนนี้ปิดกิจการ เซ็งร้าน บางแห่งก็หนีไปแล้ว เหลือจำนวนน้อยมาก คอนโดก็เหมือนกัน คนที่เคยได้ยินเสียงดังของคนจีน ตอนนี้ก็ลดลง มียังมีอยู่ แต่ละน้อยลงไปมาก นี่คือข้อเท็จจริงของการเปลี่ยนแปลง คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมก่อสร้างก็ต้องปรับตัวใหม่ให้สอดคล้องกับกลุ่มใหม่ที่เข้ามาท่องเที่ยวและลงทุน การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อจากนี้ไปอยู่ที่เราจะสามารถปรับตัวให้ทันกับธุรกิจกันได้ต่อไปหรือไม่ โจทย์อยู่ที่ตรงนี้