โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote
และแล้ว ทีเด็ดของ “ภูมิใจไทย” ก็ออกมาสู่สังคม และคอการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
จากเรื่องกัญชาที่เห็นได้ชัดว่า “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่ใส่เกียร์เร่งเครื่องผลักดันจนเห็น “น้ำมันกัญชาล็อตแรก” 4,500 ขวดออกมาและแจกจ่ายไปโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว ลูกพรรคที่ได้ตำแหน่งแม่ทัพคมนาคมอย่าง “ศักดิสยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ก็เร่งเครื่องหนักไม่แพ้กัน
ทั้งเรื่องปลดล็อกความเร็วถนน 4 เลนให้เพิ่มสปีดไป 120 กม./ชม.ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย และล่าสุดกำลังจะเรียกคะแนนความนิยมจาก “คนขับแท็กซี่” เพราะเขาเตรียม “ขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์”
ข้อเสนอจากศักดิ์สยาม ยังคงสตาร์ทที่ราคาเดิมคือ 35 บาท แต่กิโลเมตรที่ 1-10 จะคิดเป็น 6.50 บาท จากเดิม 6 บาท แต่หลังจากกิโลเมตรที่ 11 เป็นต้นไปก็คงราคาเดิมเอาไว้ แต่จะเพิ่ม “ค่าหยุดนิ่ง” หรือในกรณีรถติดที่จากเดิมเก็บ 2 บาท/นาที เป็น 3 บาท/นาที และจะเพิ่มค่าบริการจากสนามบินอีก 20 บาท จากเดิมที่ต้องจ่าย 50 บาทก็ต้องจ่ายเป็น 70 บาท และหากมี “กระเป๋าใบที่ 3” ก็ต้องมี “ค่ายก” อีกใบละ 20 บาท
เหล่าบรรดาคนขับแท็กซี่ก็น่าจะร้องเฮได้ดังๆ แต่คนที่ระทมอาจจะเป็น “คนกรุง” แทน ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นแน่นอน หากเลือกใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์
แต่เมื่อมองถึงสาเหตุที่ “ภูมิใจไทย” แทงเรื่องขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับทางพรรคไม่น้อยที่จะเก็บเกี่ยวและโกยเอากระแสนิยม โดยไม่จำเป็นจะต้องสนใจความนิยมจากคนกรุงเทพฯ เพราะว่ากันในความเป็นจริง คนขับแท็กซี่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็มาจากต่างจังหวัดแทบทั้งสิ้น
ซึ่งคนต่างจังหวัดนี่เองที่ถือเป็น “หัวใจ” ของคะแนนเสียงสำหรับภูมิใจไทย ดังนั้น การประกาศขึ้นค่าแท็กซี่ครั้งนี้ของภูมิใจไทยภายใต้หมวกอำนาจหน้าที่ในกระทรวงคมนาคม ก็ถือว่า “วิน” มากทีเดียว
แต่อีกนัยของการขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ ก็อาจถูกมองได้ว่าภูมิใจไทยต้องการปูความพอใจให้กับบรรดาคนขับแท็กซี่กันก่อน ก่อนที่พวกเขาจะดัน “แกร็บแท็กซี่” ที่เคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะ “มาแน่” ด้วยรูปแบบการแบ่งปันเศรษฐกิจในเมืองระหว่างกัน เพราะเมื่อเกิดแกร็บแท็กซี่ตามมาแล้ว จะได้ไม่มีเสียงโวยวายจากแท็กซี่ตัวจริงภายหลัง เพราะถือว่าได้ปรับราคาให้ความพอใจกันไปแล้ว
เราจึงเห็นภาพการ “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” ของพรรคภูมิใจไทย เพราะส่วนหนึ่งก็ได้ทำตามที่หาเสียงเอาไว้ทุกอย่างไม่ผิดสัญญากับประชาชน และอีกด้านก็ยังได้คะแนนความนิยมตามมา จนถึงขณะนี้ก็น่าจะเป็นเพียงแค่พรรคเดียวที่อัดนโยบายได้ถึงรากหญ้ามากที่สุดในชั่วโมงนี้
แต่ “มีได้ย่อมมีเสีย” การปรับขึ้นราคาค่าแท็กซี่หากทำได้จริงตามที่ภูมิใจไทยเสนอ ภาระจะต้องเกิดกับ “คนเมืองกรุง” อย่างแน่นอน ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการขึ้นแท็กซี่แต่ละครั้ง และหากกระทบมากขึ้นและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เสียงด่าจะพาลไปถึงรัฐบาลที่มีชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อย่างแน่นอน
เพราะเมื่อถึงจุดลำบากของประชาชน คนก็ไม่นึกถึงแน่ว่าใครเป็นคนต้นคิดให้ขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ แต่จะพุ่งเป้ามายัง “พระเอก” ของรัฐบาลก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
สุดท้ายก็น่าจะเป็นไปได้ว่า “ภูมิใจไทย” เร่งคลอดนโยบายของตัวเองออกมา แต่หากทำสำเร็จก็อาจเป็นเหมือนมีดดาบที่มาทิ่มแทงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์จะออกมาแนวไหนก็สุดแท้แต่ “บิ๊กตู่” จะเลือกเอา