กำลังพลสำหรับร่วมขบวนพยุหยาตราสถลมารค ฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 แบบรวมการครั้งแรก ด้าน กทม.ปรับปรุงเส้นทางเสด็จ สำหรับงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แล้วเสร็จสิ้นเดือนนี้ คาดคนร่วมงานนับแสน
คณะอนุกรรมฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารค จัดการฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 แบบรวมการครั้งแรก ณ ลานอเนกประสงค์กองทัพภาคที่ 1 (ภายในกรมทหารราบ ที่ 11 กรมทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์) โดยการฝึกซ้อมในวันนี้มีหน่วยเฉพาะกิจกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 กรมสรรพาวุธทหารบก กรมพลาธิการทหารบก หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กรมขนส่งทหารบก นักเรียนเตรียมทหาร กองทัพเรือ ตำรวจม้า ผู้แทนจากสำนักพระราชวัง เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับการฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จในขบวนพยุหยาตราสถลมารคเลียบพระนครในวันที่ 5 พ.ค. 2562 เวลา 16.30 น.โดยประมาณ วันนี้มีการจำลองสถานที่จริง เส้นทางเริ่มจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ผ่านประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเศษไชยศรีในพระบรมมหาราชวัง แล้วเลี้ยวขวาที่หน้าประตูวิเศษไชยศรีเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายแยกศาลหลักเมืองมุ่งหน้าสู่ถนนราชดำเนินใน
ต่อจากนั้นเลี้ยวขวาที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว เข้าวัดบวรนิเวศวิหาร จากนั้นเสด็จออกจากวัด เข้าถนนพระสุเมรุ เลี้ยวขวาแยกผ่านฟ้าเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง แล้วเลี้ยวซ้ายที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เข้าถนนอัษฎางค์ เลียบคลองหลอด สู่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จากนั้นเสด็จออกจากวัดราชบพิธฯ เข้าสู่แยกวงเวียน นรด. เข้าถนนท้ายวัง เสด็จเข้าสู่วัดพระเชุตพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร จากนั้นเสด็จออกจากวัดพระเชตุพนฯเข้าสู่ถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาที่ถนนมหาราช แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน เพื่อเข้าประตูวิเศษไชยศรีตามเดิม ใช้ระยะทางรวม 7 กิโลเมตร

อย่างไรก็ดี ในซ้อมนั้น ได้มีการจำลองพื้นที่ในจุดคับขัน ประกอบด้วย เกยพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเศษไชยศรี เกยวัดบวรนิเวศวิหาร เกยวัดราชบพิธฯ วัดพระเชตุพนฯ แยกถนนตะนาว ถนนพระสุเมรุ เป็นต้น รวมถึงซ้อมจังหวะการเปลี่ยนพลแบกหามพระราชยานพุดตานทอง ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุก 500 เมตร
ส่วนการเดินในริ้วขบวนที่ 3 มีการกำหนดท่าทางตามเสียงจังหวะกลองด้วยการนับก้าว 85 ก้าวต่อนาที ก้าวละ 40 ซม. ประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ รวมทั้งสิ้น 6 เพลง มาร์ชธงชัยเฉลิมพล, มาร์ชราชวัลลภ, เพลงใกล้รุ่ง, เพลงยามเย็น, เพลงสรรเสริญเสือป่า และเพลงสรรเสริญพระนารายณ์ ใช้ระยะเวลาเดินเท้าตามเส้นทางต่างๆ ทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง อีกทั้งยังมีการสับเปลี่ยนกำลังพลแบกหามทุก 500 เมตร ซึ่งจุดเปลี่ยนพลแบกหามจะใช้ หมู่กลองให้จังหวะซอยเท้ารอเพื่อ เปลี่ยนกำลังพลแบกหามให้เกิดเป็นท่วงท่าสง่างาม

อย่างไรก็ดี ทางคณะอนุกรรมฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารคจะจัดการฝึกซ้อมริ้วขบวนอีกครั้งในวันที่ 26 มี.ค. ในริ้วขบวนที่ 1 และ 2 โดยริ้วขบวนที่ 1. เป็นริ้วขบวนเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ และพระราชลัญจกร จากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่ริ้วขบวนที่ 2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก และถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ณ ปราสาทพระเทพบิดร รวมทั้งวันที่ 17 และ 21 เม.ย. 2562 จะมีการซ้อมกำลังพลในพื้นที่จริงอีกครั้ง โดยวันที่ 28 เม.ย.จะเป็นการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ณ สถานที่จริงก่อนเข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค.นี้ต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 1/2562 โดยมีกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า)
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า มีการรายงานการดำเนินการเตรียมการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในส่วนภารกิจที่กรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายในทุกด้าน ทั้งการปรับปรุงภูมิทัศน์และกายภาพของถนนเส้นทางเสด็จเลียบพระนคร รวมทั้งสิ้นประมาณ 7.2 กิโลเมตร ขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 80 % จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 มี.ค. จากนั้นจะเริ่มประดับตกแต่งเมือง ประดับซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ตั้งโต๊ะหมู่ถวายพระพร ขีดสีเส้นจราจรให้ชัดเจน จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน 2562 รวมไปถึงการจัดหาที่พักสำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯ

คาดการณ์จะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี ในวันที่ 4-6 พฤษภาคม โดยในเส้นทางเสด็จฯ เฉพาะบนทางเท้าสามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 1 แสนคน ซึ่งประชาชนคงจะนั่งอยู่เลยเข้าไปตามถนน ตรอก ซอย ทั่วบริเวณอาจมีมากถึง 1 ล้านคน ซึ่งจะมีการแบ่งโซนดูแลประชาชน 6 โซน มีการตั้งโรงครัวพระราชทานของสำนักพระราชวังในพื้นที่ชั้นใน และของกองทัพบกในพื้นที่รอบนอก ของกรุงเทพมหานครตั้ง 2 จุด ที่ลานคนเมืองและสะพานพระราม 8
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เตรียมแผนติดตั้ง จอ LED พร้อมเครื่องขยายเสียง ในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินพยุหยาตราสถลมารคในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รวมจำนวน 25 จุด ประกอบด้วย จอ LED ขนาด 6 X 12 เมตร จำนวน 5 จอ ติดตั้งที่จุดกองสลากเดิม , ท่าราชวรดิษฐ์ , สนามม้านางเลิ้ง ลานคนเมือง และ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 จอ LED ขนาด 4 X 6 เมตร จำนวน 3 จอ ติดตั้งที่จุดท่าช้าง , หน้า รด. และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จอ LED ขนาด 3 X 5 เมตร จำนวน 17 จอ ติดตั้งที่จุดแยกคอกวัว , บางลำพู, หน้าวัดบวรฯ , ใกล้สะพานวันชาติ , ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ , อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย , อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา , ตรอกสาเก , กระทรวงมหาดไทย , สี่กั๊กเสาชิงช้า , สี่กั๊กพระยาศรี , วัดโพธิ์ , ท่าเตียน , สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร , แยก จปร. , สหประชาชาติ และ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์จะจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ ฉายผ่านจอตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่ 1-7 พฤษภาคม 2562 เพื่อให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จชื่นชมพระบารมีได้ทั่วถึง
รูปขบวนสถลมารค เครดิต สำนักข่าวไทย
