เลือกตั้งบันดาลสุข เงินสะพัดมากสุดในประวัติศาสตร์ โดย รัมย์ฤตา ประชาชื่น

เลือกตั้งบันดาลสุข เงินสะพัดมากสุดในประวัติศาสตร์ โดย รัมย์ฤตา ประชาชื่น


บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งกำลังค่อยๆเลือนลางจางหายไป “เปลี่ยนโหมด”ไปสู่บรรยากาศการขับเคี่ยวชิงไหวชิงพริบกันระหว่างพรรคการเมือง และขั้วการเมือง ในการชิงธงการจัดตั้งรัฐบาล…ใครชนะ..ใครม้วนเสื่อกลับบ้านอดใจรออีกไแค่ไม่ถึงหนึ่งวัน

ห้วงเวลาการกรำศึกทำสงครามน้ำลายแย่งมวลชนของบรรดา 13,846 นักการเมือง จาก 80 พรรคการเมืองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับว่าเป็นห้วงเวลาแห่งความมีชีวิตชีวาของระบบเศรษฐกิจอย่างที่สุด หลังจาก”สลึมสลือ”เรื้อรังมานานหลายปี

พ่อแก่แม่เฒ่า..พ่อแม่พี่น้อง…ลุงป้าน้าอาทั่วทุกหัวระแหง เรื่อยไปถึงท้องไร่ปลายนา ดูแช่มชื่นสดใสมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ โดยมีต้นสายปลายเหตุสำคัญมาจาก “สภาพคล่อง”ของกระแสเงินสดดีขึ้น แถมหนี้สินบางรายการยังมี”นักเลือกตั้งใจดี” ช่วยเป็นธุระจัดการชำระสะสางให้

เมื่ออานุภาพการเมืองเรื่องเลือกตั้งบันดาลให้ชาวบ้าน”เป๋าตุงพุงปลิ้น” ย่อมเป็นธรรมดาที่ความมั่งคั่งจะถูกจัดสรรให้สะพัดกระจายตัวลงไปยังหาบเร่-แผงลอย-ร้านค้า…รวมทั้งตลาดนัด

พ่อค้าแม่ขายที่เคยต้องง่วงเหงาหาวเป็นดาวเป็นเดือน ก่อนปี่กลองเทศกาลเลือกตั้งจะโหมโรงบรรเลงอย่างจริงจัง ต่างได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง ”เป๋าฟูยิ้มแก้มตุ่ย”ไปตามๆกัน

บรรดานักพยากรณ์เศรษฐกิจทั้งหลายพากันคาดคะเนปริมาณเม็ดเงินที่สะพรั่งช่วงเลือกตั้งว่าเบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำแล้วน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 50,000-80,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้สาธยายแจกแจงรายการให้กระจ่างถึงที่มาของปริมาณเม็ดเงินที่สะพัด

แน่นอนตัวเลขปริมาณเม็ดเงินสะพัดตามคำพยากรณ์ของนักพยากรณ์เศรษฐกิจ ไม่ได้”ยกเมฆ”..ไม่ได้มั่วนิ่มโมเม แต่ทั้งหมดล้วนต้องมีที่มา…..

ที่มาของปริมาณเงินสะพัดระดับ 50,000-80,000 ล้านบาท ซึ่งไหลแทรกซึมไปสร้างความชุ่มชื้นแก่ลมหายใจของคนบ้านนอก มาจาก 4 แหล่งใหญ่

งบประมาณจัดการเลือกตั้งจำนวน 4,600 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดการเลือกตั้ง และสินบนรางวัลนำจับผู้ทุจริตการเลือกตั้ง ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองพยาน เพื่อลากคอผู้กระทำทุจริตการเลือกตั้งไปรับการลงโทษตามกฏหมาย รวมทั้งค่าเดินทาง-ที่พัก-เบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 92,837 หน่วย จำนวน 465,000 คน
งบประมาณการหาเสียงตามกฏหมาย ของผู้สมัครรับการเลือกตั้งคนละ 1.5 ล้านบาท รวม 13,846 คน เป็นเงินรวมกัน 20,769 ล้านบาท
งบประมาณการหาเสียงตามกฏหมาย ของพรรคการเมือง อัตราไม่เกินพรรคละ 35 ล้านบาท รวม 80 พรรคการเมือง เป็นเงินรวมกัน 2,800 ล้านบาท
“งบซื้อเสียง”หรือ“งบลับ”ของพรรคการเมือง หรือ นักการเมืองผู้สมัครรับการเลือกตั้ง สำหรับการบริหารจัดการให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง เป็นจำนวนรวมกันประมาณ 5,000 ล้านบาท
ฐานคิดคำนวณประมาณการงบซื้อเสียง มาจากข้อสมมุติฐานผู้ไปใช้สิทธิ์รวมทั้งประเทศประมาณ 86% หรือเทียบเท่า 44.2 ล้านเสียง และในจำนวนนี้เป็นคะแนนเสียงที่ได้มาจากการ”ค้าขายเสียง”ในอัตราเสียงละ 500 บาท ประมาณ 10 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 25% ของ 44.2 ล้านเสียง เป็นเม็ดเงินรวมกัน 5,000 ล้านบาท

เมื่อนำรายการที่ 1 ถึง 4 บวกรวมกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ 33,169 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นปริมาณเม็ดเงินที่มีการสะพัดในช่วงเทศกาลเลือกตั้งที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด และถือเป็น”น้ำหล่อลื่น”ทรงคุณภาพแก่ระบบเศรษฐกิจ ที่ช่วยให้ความสุขได้รับการส่งต่อไปอย่างครอบคลุม-ทั่วถึงทุกหมู่บ้าน..ทุกชุมชน…ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

แบบนี้ไง…เลือกตั้งบันดาลสุข