สาวประเภทสองไทยตุ๋นเงิน “หนุ่มญี่ปุ่น” นับไม่ถ้วน เสียหายหลายล้าน

สาวประเภทสองไทยตุ๋นเงิน “หนุ่มญี่ปุ่น” นับไม่ถ้วน เสียหายหลายล้าน

สื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวว่า ตำรวจไทยจับกุมตัว นายอุทัย นันทะขันธ์ วัย 43 ปี ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ โดยหลอกเอาเงินจากชายชาวญี่ปุ่น หลายรายในกรุงเทพมหานครตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายหลายล้าน และโดนจับกุมถึง 6 ครั้ง

โดยผู้ต้องหารายนี้จะเลือกเหยื่อเป็นนักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ซอยทองหล่อ อโศก สุขุมวิท สีลม โดยจะเข้าไปตีสนิทหลอกว่า ตนเป็นนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน หรือ ฮ่องกง เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแต่กระเป๋าสตางค์หาย ไม่มีเงินติดตัว ขอให้เหยื่อช่วยติดต่อกับเพื่อนตามหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถติดต่อได้
และเมื่อเหยื่อสงสารจะให้เงินแต่นายอุทัย กลับไม่ยอมรับเงิน พร้อมกับแจ้งเหยื่อว่าติดต่อกับครอบครัวที่ประเทศฮ่องกง หรือ ไต้หวัน ให้โอนเงินมาให้ และขอใช้บัญชีธนาคารของเหยื่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งนายอุทัย ใช้วิธีหลอกโอนเงินทางตู้เอทีเอ็ม ว่า เงินได้โอนมาให้เหยื่อแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้เงินได้ ต้องรออีก 3-5 วัน ทางเหยื่อชาวญี่ปุ่นก็หลงเชื่อ และได้ให้เงินสดไป แต่เมื่อครบกำหนดใช้เงินแล้ว กลับไม่มีการโอนเงินเข้ามาจากการสืบสวนทราบว่า นายอุทัย กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้เสียหายหลายร้อยคนได้เงินร่วมหลาย 10 ล้านบาท โดย นายอุทัย จะนำเงินที่ได้จากการหลอกหลวงในแต่ละครั้งไปเที่ยวเตร่ เลี้ยงเด็กผู้ชาย และเล่นการพนันออนไลน์
ด้านนายอุทัย กล่าวรับว่า สาเหตุที่ทำให้ต้องก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว มาจากในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 และไปท่องเที่ยวกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นถูกหลอกโดยปล่อยให้อยู่ที่โรงแรมคนเดียว และต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงรู้สึกคับแค้นใจ
นอกจากนี้ ตนยังเคยถูกจำคุกในคดีดังกล่าวมาแล้ว และภายหลังจากการพ้นโทษมีการโพสต์ข้อความและภาพของตน ในลักษณะแจ้งเตือนชาวญี่ปุ่นบ่อยครั้ง และไม่ยอมหยุด จึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงกลับมาลงมือก่อเหตุซ้ำอีก
จากการตรวจสอบพบว่า นายอุทัย เคยต้องคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 5 ครั้ง และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายปี 2561 ความเสียหายที่ผ่านมาที่สถานทูตรับเรื่องไว้ ปี 2554 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 25 ราย มูลค่าความเสียหาย 942,000 บาท ปี 2555 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 9 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,166,000 บาท ปี 2557 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 16 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,588,000บาท ปี 2558 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 2 ราย มูลค่าความเสียหาย 330,000 บาท ปี 2561 ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 8 ราย มูลค่าความเสียหาย 308,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายที่ผ่านมา ประมาณ 5,334,000 บาท

https://www.youtube.com/watch?time_continue=33&v=n3-nI2FMF1U

ด้านสื่อญี่ปุ่นระบุว่า การจับกุมตัวครั้งนี้เป็นการแจ้งเบาะแสจากทางการญี่ปุ่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นตกเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดผู้ต้องหารายนี้ที่ถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้งจึงยังสามารถก่อความผิดได้อย่างซ้ำซาก

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
https://www.thaiquote.org/content/62881