หยั่งคะแนนศึกชิงหัวเรือประชาธิปัตย์

หยั่งคะแนนศึกชิงหัวเรือประชาธิปัตย์


เหมือนกับว่า บิ๊กเนมของพรรคประชาธิปัตย์ จะเทใจให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในการลงชิงชัยวัดคะแนนเสียงภายใน เพื่อเป็นหัวหน้าพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย พาทีมลงชิงชัยศึกเลือกตั้ง ก.พ.2562 เหนือไปกว่าอีก 2 ผู้ท้าชิงอย่าง “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” และ “อลงกรณ์ พลบุตร”

เพราะ 80 ชื่อที่รับรองให้อภิสิทธิ์น่าจะเป็นข้อการันตีได้อย่างดี ซึ่งเมื่อมองไปยังรายชื่อผู้สนับสนุนอภิสิทธิแล้ว ก็เห็นชื่อที่นำโดยผู้ใหญ่ของพรรคอย่าง “ชวน หลีกภัย” ที่ลงชื่อรับรองเป็นคนแรก ตามมาด้วย “บัญญัติ บรรทัดฐาน” อดีตหัวหน้าพรรค “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” หรือแม้แต่ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” อดีตรองหัวหน้าพรรค และยังไม่นับรวมกับอดีตส.ส.ของประชาธิปัตย์ในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่หนุนอภิสิทธิ์  ทั้ง “วิลาศ จันทร์พิทักษ์”  “แทนคุณ จิตต์อิสระ” อดีต สส.กทม  “กษิต ภิรมย์” อดีตส.ส.อำนาจเจริญ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตส.ส.พัทลุง 

ขณะที่ผู้ท้าชิงหัวหน้าพรรคที่คาดหมายว่าจะสามารถขึ้นมาต่อกรกับอภิสิทธิ์ได้ อย่าง “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ก็มีอดีต ส.ส.รับรองรวม 29 คน บิ๊กเนมนำมาโดย “ถาวร เสนเนียม” “เจือ ราชสีห์” “วิรัตน์ กัลยาศิริ” ซึ่งมาจากกลุ่มอดีตส.ส.สงขลา ขณะที่กลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์ในแถบภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของนพ.วรงค์ ก็ยกมือสนับสนุนด้วยเช่นกัน ทั้งในส่วนของ “สมบัติ ยะสินธุ์” อดีต สส.แม่ฮ่องสอน “สงกรานต์ จิตสุทธิภากร” อดีต สส.นครสวรรค์ “นพ.ปรีชา มุสิกุล – สุขวิชชาญ มุสิกุล” อดีต สส.กำแพงเพชร รวมถึง “ผุสดี ตามไท” อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และในฐานะอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค

ท้ายสุดกับคะแนนสนับสนุนให้ลงชิงหัวหน้าพรรค คือ “อลงกรณ์ พลบุตร” มีอดีต ส.ส.รับรอง 20 คนตามระเบียบข้อบังคับพอดิบพอดี ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับคอการเมืองไม่น้อยสำหรับชื่อคนที่สนับสนุน เพราะนำมาโดย 2 ผู้ท้าชิงหัวหน้าพรรค คือ “อภิสิทธิ์” และ “นพ.วรงค์” ที่แสดงสปิริตลงชื่อสนับสนุนให้อลงกรณ์เพื่อให้ครบตามหลักเกณฑ์ ส่วนอดีตส.ส.คนอื่นๆ ก็ทยอยมาหนุน เช่น “อรรถพร พลบุตร” “อภิชาติ สุภาแพ่ง” อดีต ส.ส.เพชรบุรี “รังสิมา รอดรัศมี” อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม รวมถึง “สามารถ มะลูลีม” อดีต ส.ส.กทม. และยังมีชื่อของ “กรณ์ จาติกวณิช” ลงหนุนอลงกรณ์ด้วยเช่นกัน

เสียงสนับสนุนจากอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ต่างเทเลือกคนที่ชอบเพื่อลงชิงตำแหน่งทำหน้าที่หัวหน้าพรรค แม้จะพอเห็นเค้าลางว่าใครจะมานำธงพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่อาจการันตีได้ว่าท้ายสุดเมื่อถึงวันหยั่งเสียงคะแนนอย่างจริงจังระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย.2561 สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศ จะเทใจไปหาใครระหว่าง 3 คน

ฉะนั้น นโยบายของผู้สมัครหัวเรือประชาธิปัตย์ จึงต้องแสดงวิสัยทัศน์ กันอย่างหนักหน่วงในห้วงเวลานี้ เพราะผลคะแนนท้ายสุดหลังปิดลงคะแนนเลือกตั้งในเวลา 17.00 น.ของเย็นวันที่ 5 พ.ย.ที่จะถึงนี้ จะเป็นตัวชี้ชะตาทิศทางพรรคและหัวหน้าพรรค ว่าจะสรรสร้างอย่างไรสำหรับอนาคตในอำนาจทางการเมือง

มองไปที่นโยบายของแต่ละคน เริ่มจาก “อภิสิทธิ์” ที่จับสลากเลือกตั้งหัวหน้าพรรคได้หมายเลข 1 เน้นย้ำในเรื่องของจุดยืนประชาธิปัตย์ ที่จะต้องเป็นตัวของตัวเอง พรรคจะต้องไม่ถูกลากให้เข้าข้างใดข้างหนึ่งบนถนนสายการเมือง เพราะอุดมการณ์พรรคเป็นเรื่องสำคัญ หากจะให้ร่วมกับใครแต่ขัดกับอุดมการณ์พรรค ภายใต้การนำของอภิสิทธิ์เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น

อีกด้านผู้ท้าชิง อย่าง “นพ.วรงค์” ผู้จับสลากเลือกตั้งหัวหน้าพรรคได้หมายเลข 2 ที่ยอมรับว่าเป็น “มวยรอง” แต่จะใช้ความขยันเข้าว่า ด้วยการเดินหาเสียงและพบปะกับเพื่อนสมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารถึงความเป็นประชาธิปัตย์ด้วยกัน และบวกกับการปูความกล้าให้กับสมาชิกที่ต้องกล้าออกมาสร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะประชาธิปัตย์มีคนเก่ง คนดี แต่ขาดคนกล้า

ฟากของ “อลงกรณ์” ยังคงยืนยันว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าของประชาธิปัตย์จะต้องเป็นช่วงฟื้นฟูพรรค บวกกับการสรรค์สร้างทางเลือกใหม่เพื่อให้สอดรับการปฏิรูปอย่างจริงจัง การหาเสียงกับสมาชิกจะไม่ใช่ชัยชนะส่วนตัวเพียงอย่างเดียว หากแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะสำหรับประเทศและคนไทย และแน่นอนว่าหากได้เป็นหัวหน้าพรรค รายชื่อนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชื่อของคนในพรรค ไม่ใช่ชื่่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

อย่างไรก็ตาม หากมองให้ลึกในแง่ของผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่แคล้วจะหนีไปจากชื่อของชายที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เพราะในชั่วยามนี้ เขาน่าจะเป็นคนเดียวในพรรคที่เจนสนามการเมืองในฐานะผู้นำมากที่สุด แต่สิ่งที่แตกต่างคือสังคมได้เห็นการเมืองภายในพรรคเก่าแก่ของเมืองไทย ที่แม้จะมีความเห็นต่าง แต่ก็พยายามที่จะสร้างความต่างเพื่อเป็นทางเลือกให้กับสมาชิกพรรค และคอการเมืองอยู่ไม่น้อย

ส่วนใครจะเข้าวินได้รับการชูมือในชัยชนะ เพื่อนำพาพรรคสู่เกมเลือกตั้ง 5 โมงเย็นของวันที่ 5 พ.ย. คำตอบจะปรากฎออกมา

ทีมข่าว ThaiQuote