มองแผนทักษิณลุยเลือกตั้ง “แยกกันเดินร่วมกันตี”

มองแผนทักษิณลุยเลือกตั้ง “แยกกันเดินร่วมกันตี”


“มีสิทธิ์พุ่ง-มีสิทธิ์พัง”

ทีมข่าว ThaiQuote

มองให้ลึกกับแผนการของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในกรอบยุทธศาสตร์ที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งในปี 2562 กับแผนที่ว่า “แยกกันเดิน ร่วมกันตี” ซึ่งแผนถูกสังเคราะห์ออกมาเป็น 3 แนวทางที่จะใช้เดินเกมในการเลือกตั้ง คือ 1.แนวทาง พรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคหลักคัดผู้สมัครส.ส.เกรดเอ และคาดหมายว่าจะให้ลุยเลือกส.ส.แบบแบ่งเขตเพียงอย่างเดียว 2.แนวทาง พรรคเพื่อธรรม ภายาใต้การนำของสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คาดหมายให้เป็นพื้นที่รองรับผู้สมัครส.ส.ที่ไมได้ลงกับพรรคเพื่อไทย หวังคะแนนเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 3. แนวทาง พรรคเพื่อชาติ เป็นของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เดินเกมการเมืองคู่กับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด

เกมการเมืองจากนี้คาดว่าจะดุเดือดเป็นอย่างมาก เพราะขั้วอำนาจเดิมอย่างทักษิณ ก็หมายมั่นจะทวงคืนการบริหารประเทศจากขั้วอำนาจปัจจุบันที่เป็นของรัฐบาลท็อปบู๊ต จึงเห็นได้จากการวางแนวทางพรรคสำรองที่พร้อมขับเคลื่อนร่วมกันกับพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย และยังเป็นสถานที่รองรับกรณีที่เกิด “อุบัติเหตุทางการเมือง” หากมีการยุบพรรคเพื่อไทย น้อยที่สุดเหล่าบรรดาผู้สมัครส.ส. หรือกลุ่มนายทุน ก็ยังคงมีที่พักใจไว้รองรับเพื่อสู้ศึกกันได้ต่อ

แม้ขณะนี้จะยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็นแกนหลักของทักษิณ และพวกพ้องในการใช้เพื่อเดินเกมต่อสู้ทางการเมือง แต่ก็ใช่ว่าจะได้คงอยู่ถึงวันเลือกตั้ง เพราะล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ทิ่มหมัดเอาไว้หนึ่งดอกเมื่อสัปดาห์ก่อน กรณีที่นักข่าวยิงคำถามเข้าใส่ว่า การที่นักการเมืองของพรรคเพื่อไทยบินไปหาทักษิณที่ฮ่องกง จะเข้าข่ายคนนอกมายุ่งกับเรื่องของพรรคหรือไม่ เพราะทักษิณเองหากว่าตามระบบก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย แต่ลึกๆ ก็อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า ทักษิณก็มีเงาเป็นเพื่อไทย อย่างเลี่ยงไม่ได้

จะผิดถูกอย่างไร พล.อ.ประวิตร ก็โยนลูกเข้าไปให้กกต. ที่จะต้องตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ และแน่นอนว่ากกต.ก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อประโยคนี้ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร เพราะอย่างไรเสียแม้จะเดินหน้าเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อำนาจขณะนี้ยังอยู่ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กกต.ก็ต้องรับลูกตรวจสอบตามที่รัฐบาลทิ้งเชื้อเอาไว้

จึงเป็นเรื่องที่เพื่อไทย และทักษิณจะต้องลุ้นการดำรงอยู่ของเพื่อไทย และนำไปสู่พรรคสำรองที่ผุดออกมาพร้อมกับแผนในการสู้กับอำนาจของรัฐบาลที่เรียกว่า แยกกันเดิน ร่วมกันตี

กระนั้น แผนดังกล่าวก็ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับจากสมัครพรรคพวกของทักษิณ เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ถอดอำนาจของทักษิณและไล่เบี้ยทุกฝีก้าวไม่ให้ขยับเขยื้อนอะไรได้สะดวก ขณะเดียวกันก็ยังมี “แรงดูด” เพื่อดึงขาใหญ่ที่เคยร่วมหัวจมท้ายกับทักษิณ มาร่วมงานกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน

เมื่อผลประโยชน์ลงตัว การย้ายถิ่นฐานของวงการการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่เมื่อแรงดูดมันเริ่มจะรุนแรง เราจึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของทักษิณในห้วงเวลาล่าสุดที่เดินทางมาฮ่องกง ส่วนหนึ่งก็เพื่อมาเคลียร์กับสมาชิกพรรค และเพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาว่ายังคงให้ความสำคัญกันอยู่ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้สมัครส.ส.หนีไปลงกับพรรคอื่น

การปรากฏตัวของทักษิณจึงเป็นข้อยืนยันให้กับแกนนำพรรคเพื่อไทยที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น เมื่อนายใหญ่ไม่ทอดทิ้งและพร้อมจะสู้บนสนามการเมือง

แต่ยุทธศาสตร์ แยกกันเดินร่วมกันตี หากว่ากันตามจริงแล้ว การที่จะให้พรรคในคอนโทรลเป็นเบอร์สองรองจากพรรคหลักอย่างเพื่อไทย ก็ใช่ว่าคนที่ร่วมพรรคสำรอง ทั้งเพื่อธรรม และเพื่อชาติ จะมีคำยืนยันว่าจะร่วมหัวจมท้ายกับทักษิณ เพราะบนสนามการเมืองในเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมใคร และเมื่อจังหวะดี คู่แข่งทางการเมืองของทักษิณ ก็อาจจะหยิบชิ้นปลามันจากพรรคสำรอง เพื่อให้มาร่วมก๊วนการเมืองในอนาคตหลังการเลือกตั้งก็ได้

การเดินเกมครั้งนี้ของทักษิณ และแกนนำเพื่อไทย จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นการเสี่ยงพอสมควร คือชนะก็พุ่งทยานคืนสู่อำนาจ แต่หากพ่ายแพ้ก็อาจเป็นที่สิ้นสุดของขั้วอำนาจเดิมก็ได้

เกมการเมืองของเพื่อไทย และทักษิณรอบนี้ จึงน่าติดตามว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่อีกไม่นานคงจะได้รู้เห็นกัน