“สนธิรัตน์” นำเทคโนโลยีใหม่ชี้แหล่งที่มาน้ำมันปาล์มดิบเถื่อน

“สนธิรัตน์” นำเทคโนโลยีใหม่ชี้แหล่งที่มาน้ำมันปาล์มดิบเถื่อน


กระทรวงพลังงาน พร้อมนำเทคโนโลยีล่าสุด บ่งชี้แหล่งที่มาของน้ำมันปาล์มดิบเถื่อน ป้องกันการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ทำราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ

วันนี้ (22 ม.ค. 63) ณ ห้องประชุมยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมนำเทคนิคทางวิทยาศาสตร์และสถิติขั้นสูงมาวิเคราะห์ข้อมูล โดยดำเนินการบ่งชี้แหล่งที่มาของน้ำมันปาล์มดิบอย่างบูรณาการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา พัฒนาระบบที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของน้ำมันปาล์มดิบ

 

 

เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยมีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ แม้จะมีกฎหมายรองรับและมีบทลงโทษผู้ลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ แต่การนำน้ำมันปาล์มดิบที่ลักลอบเข้ามาผสมกับน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศ ทำให้ตรวจสอบได้ยาก

สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลบ่งชี้แหล่งที่มาของน้ำมันปาล์มดิบนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ แล้วยังจะก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศโดยรวม รวมถึงช่วยภาคเกษตรกรในการจำหน่ายผลผลิตและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรแบบยั่งยืน

 

 

“วันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของกระทรวงพลังงาน ที่เราจะ สร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ให้มั่นใจขึ้น โดยจะใช้เครื่องมือในการตรวจสอบว่าอันไหนเป็นปาล์มน้ำมันของประเทศไทยอันไหนไม่ใช่ของประเทศไทย อันนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่เราใช้เทคโนโลยีเพื่อมาตรวจจับสินค้าลักลอบนำเข้า

แล้วเราทดสอบจนมั่นใจว่า ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเพราะเรามีโครงสร้างของ CPO ที่แตกต่างกันเป็นกระบวนการทางเคมีของแต่ละประเทศซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านของแร่ธาตุ ซึ่งเรานำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาพัฒนาใช้กับบ้านเราซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าปาล์มน้ำมันที่เราใช้อยู่ในขณะนี้เป็นของในประเทศไทยหรือไม่ หรือมาจากประเทศอื่น” นายสนธิรัตน์ กล่าว

 

 

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า เครื่องมือตัวนี้มีราคาประมาณ 3-5 ล้านบาทต่อตัวซึ่งระบบการตรวจสอบนี้มีความแม่นยำถึง 95% ส่วนเทคโนโลยีทั้งหมดตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟังในรายละเอียด ขอดำเนินการก่อน ซึ่งเราดำเนินการทดสอบมาหลายเดือนแล้ว ผลลัพธ์ของการทดลองค่าที่ออกมาก็ มีความถูกต้องชัดเจนทุกครั้งเหมือนเดิม

“หลักการทำงานคร่าวๆก็คือจะเป็นการตรวจสอบโครงสร้างของปาล์มน้ำมัน เหมือนกันเราเจาะเลือดไปตรวจแล้ว ส่งให้แล็บวิเคราะห์ซึ่งเค้าจะสามารถแยกได้ว่าอันไหนคือแหล่งที่มาของปาล์มน้ำมันในประเทศหรือนอกประเทศ ที่เป็นน้ำมันปาล์มเถื่อน เช่น ตัวอย่างผลทดสอบที่อยู่ในมือผมขณะนี้ นั้นคล้ายๆเป็นลายนิ้วมือเราเป็นดีเอ็นเอเรา

 

 

โดยสีน้ำเงินนี้คือประเทศไทย จะเห็นได้ว่าผลการทดสอบตัวสีน้ำเงินลักษณะอย่างนี้เป็นปาล์มน้ำมันของไทย แต่ถ้าเป็นสีแดงมันจะต่างกันที่โครงสร้าง สีแดงที่เห็นนี้จะเป็นของที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยโครงสร้างสีเหลืองก็ไม่เหมือนสีน้ำเงินของประเทศไทย นอกจากนี้จะมีสถิติในการกำกับมีความแม่นยำ 95% ถือว่าดีมาก” นายสนธิรัตน์ อธิบาย

“ส่วนรายละเอียดของเทคโนโลยีทั้งหมดตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟังให้ฟังในรายละเอียด เราขอดำเนินการก่อน ซึ่งเราดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว ผลการทดลองใช้เพราะออกมาได้ค่าที่ถูกต้องทุกครั้งเหมือนเดิม ทดสอบสอบกี่ครั้งก็ผลออกรับออกมาเหมือนเดิมถึงแม้จะนำน้ำมันปาล์มมาผสมกันโครงสร้างก็จะผิดเพี้ยนไม่เหมือนเดิมที่เป็นมาตรฐาน เราจะยกเลิกการรับซื้อจากโรงงานนี้ ออกจากระบบทันที ซึ่งหลังจากนี้เราจะนำเครื่องไปตรวจให้ครบทุกโรงงานต่อไป”

 

 

นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะได้เร่งติดตั้งมิเตอร์ตรวจวัดปริมาณ B100 ทุกถังเก็บในคลังผู้ผลิต เพื่อติดตามปริมาณ B100 แบบ Real time ด้วยปาล์มน้ำมันเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมผลักดันให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดพื้นฐานของประเทศเพื่อส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล (B100) ในภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายในการมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ให้สามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของไทยในปัจจุบัน หรือคิดเป็น 2.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการช่วยสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน

“กระทรวงพลังงานก็จะใช้เทคโนโลยีนี้ในการกำกับดูแลปาล์มน้ำมันในประเทศซึ่งเป็น CPO ที่จะนำไป ผลิต B100 เพราะจะมีการสุ่มตรวจในโรงงานที่ผลิต B100 ถ้าผลการตรวจสอบไม่ตรงตามมาตรฐาน เราจะยกเลิก B100 จากโรงงานนั้นทันที

และจะดำเนินการทางกฎหมายกับโรงงานนั้นอย่างเด็ดขาด ในฐานะเป็นผู้ลักลอบนำเข้าปาล์มน้ำมันเถื่อน สิ่งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการน้ำมันปาล์มน้ำมันของประเทศไทย” นาสนธิรัตน์ กล่าวในท้ายสุด

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

พปชร.ยันไม่มีต่อรองแลกผลประโยชน์-ไม่อภิปรายรัฐมนตรี