สนธิรัตน์ เตรียมยกเลิกประเภทน้ำมัน ดันดีเซล บี 10 น้ำมันพื้นฐาน

สนธิรัตน์ เตรียมยกเลิกประเภทน้ำมัน ดันดีเซล บี 10 น้ำมันพื้นฐาน


สนธิรัตน์ เตรียมยกเลิกประเภทน้ำมัน เหตุมีมากเกินไปเป็นต้นทุนต่อผู้ค้า เดินหน้ายก ดีเซลบี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ด้านผู้เชี่่ยวชาญชี้ ไทยมีประเภทน้ำมันมากที่สุดในโลก ถึง 10 ประเภทสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้แนะ เลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ,อี 85 และบี 20

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกประเภทหรือชนิดน้ำมันภาพรวมลงเนื่องจากขณะนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงต่อผู้ค้าน้ำมันซึ่งคงจะต้องมาพิจารณาว่าจะยกเลิกประเภทใดจึงจะเหมาะสมและไม่กระทบต่อผู้บริโภค และเตรียมแผนประกาศ อี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานหลัก

ทั้งนี้ กระทรวงฯยัง เดินหน้านโยบายการให้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มดีเซลแทนดีเซลบี 7 เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มและช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 แม้ว่าขณะนี้ราคาปาล์มทั้งระบบจะสูงขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกันจะส่งเสริมการใช้ดีเซลบี 20 ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่โดยราคาจะถูกกว่าดีเซลบี 7 จำนวน 2 บาทต่อลิตรส่วนดีเซลบี 10 จะถูกกว่าดีเซลบี 7 อัตรา 1 บาทต่อลิตร

“ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกน้ำมันประเภทใดได้บ้างโดยไม่กระทบผู้บริโภค เช่น บี 7 ควรยกเลิกหรือไม่ รวมถึงกลุ่มน้ำมันเบนซินด้วยว่าควรจะยกเลิกประเภทใด เพราะในปัจจุบันมีน้ำมันหลายประเภทมากเกินไป” นายสนธิรัตน์

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจน้ำมัน กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยมีชนิดของน้ำมันเติมรถยนต์มากที่สุดในโลก ถึง 10 ชนิด โดยมี กลุ่ม เบนซิน ถึง 6 ชนิด คือ เบนซิน 95 ,แก๊สโซฮอล์พรีเมี่ยม, แก๊สโซฮอล์ 95 ,แก๊สโซฮอล์ 91,อี20 และ อี 85 ส่วน กลุ่มดีเซล มี4 ชนิด ทั้งหัวจ่ายดีเซลพรีเมี่ยม,บี7,บี10 และ บี 20 และเป็นปัญหาในการบริหารจัดการด้านนโยบายน้ำมันเชื้อเพลิง มีหลายชนิดมากจนผู้ประกอบการไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรจึงจะครบถ้วน และผู้บริโภคเองก็สับสนไม่รู้ว่าจะใช้เชื้อเพลิงชนิดใด จึงจะเหมาะกับรถยนต์ของตน จึงทำให้มีการใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ตรงกับเครื่องยนต์ที่ออกแบบมา ก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ในส่วนตัว เห็นว่าทางกระทรวง ควรยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันหน้าปั๊ม 3 ชนิด ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ 91 ,อี 85 และบี 20

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“สนธิรัตน์”หาช่องลดค่าไฟฟ้า “SME-คนรายได้น้อย”