“สนธิรัตน์”หาช่องลดค่าไฟฟ้า “SME-คนรายได้น้อย”

“สนธิรัตน์”หาช่องลดค่าไฟฟ้า “SME-คนรายได้น้อย”


สนธิรัตน์ปิ๊งไอเดีย หาช่องช่วยลดค่าไฟฟ้ากรณีพิเศษแก่ผู้ประกอบการ SME และผู้ถือบัตรคนจน แต่รับต้องดูให้รอบคอบเอาเงินส่วนไหนมาดูแล

วันที่ 9 มกราคมม 2563 – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกมนตรี และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานเดินทางตรวจเยี่ยม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เน้นย้ำให้พัฒนานวัตกรรม รองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ร่วมลงทุนกับพันธมิตรในนวัตกรรม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี ) และอื่นๆ พร้อมทั้งให้ เร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะใช้ช่วงเงินบาทแข็งค่า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลง และยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือลงทุนของภาครัฐหลังร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ดำเนินการล่าช้าและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ กฟผ.ขยายการลงทุนในเมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน ทาง กฟผ.จะร่วมลงทุนโดยมอบหมายให้พิจารณาว่าจะร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในการส่งเสริมชาวบ้านให้ได้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างไร

“เรื่องความมั่นคงพลังงานกรณีความขัดแย้งในตะวันออกกลางพบว่า ก.พลังงาน-กฟผ.มีมาตรการรองรับเพียงพอ แต่ก็อยากให้ดูแลเรื่องค่าไฟฟ้าผู้มีรายได้น้อยแลเอสเอ็มอีทำอย่างไรไม่ให้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่วนจะตรึงค่าไฟฟ้าทั้งปีหรือไม่ก็มอบให้ ก.พลังงานพิจารณา” นายสมคิดกล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในช่วงต่อไปนี้ก็จะพิจารณาว่าจะหาทางทำอย่างไรให้ลดค่าไฟฟ้าเป็นพิเศษ แก่ผู้มีรายได้น้อยสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งจะต้องพิจารณาว่า จะนำเงินส่วนไหนมาดูแล

รมว.พลังงาน ระบุด้วยว่า กฟผ.เป็นหนึ่งในส่วนช่วยแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำก่อนหน้านี้ด้วยการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) มาผลิตไฟฟ้า ประกอบกับนโยบายไบโอดีเซลบี 10 ที่ทุกปั๊มจะต้องจำหน่ายทุกปั๊มในวันที่ 1 มี.ค.นี้ จึงทำให้ราคาปาล์มขยับสูงขึ้น ซึ่งรู้สึก ดีใจที่เห็นแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบ น่าจะถึง 40 บาท/กก.ภายในไม่กี่วัน ส่วนผลทลายปาล์มขณะนี้ก็อยู่ที่ 7.3 บาท/ กก. และมีแนวโน้มที่จะถึง 8 บาท/กก.ทั้งนี้ตนจะลงพื้นที่ จังหวัดกระบี่ในวันที่20 ม.ค.นี้ เพื่อไปตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มทั้งหมด และเพื่อให้ปาล์มในตลาดไม่ตึงตัว จึงสั่งการให้ กฟผ.ชะลอการส่งมอบ ซีพีโอ กว่า 6 หมื่นตันที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าออกไปก่อน โดยจะส่งมอบได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สำหรับสต๊อกซีพีโอล่าสุดลดเหลือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งภาพรวมของสต๊อก และการพิจารณาบริการการนำเข้า-ส่งออก เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์โดยการดูดซับซีพีโอ เพื่อผลิตบี10 นั้นจะใช้ซีพีโอราว 2.2 ล้านตัน/ปี หรือ 7 ล้านลิตรต่อวัน

ส่วนการเร่งรัด กฟผ. และบมจ.ปตท.ในการใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ด้วยการเร่งลงทุนและคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นนั้น ในวันนี้ จะมีการประชุมร่วมกับทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อร่วมดูรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรม

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ในงบปี 63 กฟผ.มีงบลงทุน 3.6 หมื่นล้านบาท ได้ประมูลโครงการไปแล้ว คงเร่งรัดไม่ได้ แต่ กฟผ.จะพิจารณาถึงงบ64 ที่มีวงเงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาทลงทุนสายส่ง โรงไฟฟ้าบางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้จะเร่งรัดจัดซื้อได้อย่างไรในช่วงบาทแข็งค่า ส่วนการลงทุนใน 8 โรงไฟฟ้า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี2018 ) วงเงิน 3แสนล้านบาทที่จะเสนอ ครม.ในเร็วๆนี้ จะเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โดยโรงไฟฟ้าจะทยอยเข้าระบบในปี68-72

นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) หลังประมูลราคาเมื่อต้นเดือน พ.ย.2562 ว่า ในการประมูลดังกล่าว อยู่ที่ราคา 17.50 บาท/กก. สูงกว่าราคาตลาดทั่วไป 1 บาท/กก. โดยประมูลได้ 101,700 ตัน ได้ทยอยส่งมอบเข้าคลังน้ำมันปาล์มดิบที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และให้ส่งมอบทั้งหมดภายในเดือนเมษายน 2563 อย่างไรก็ตาม หลังจากประมูลไปแล้ว พบว่า ราคาซีพีโอขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปลายเดือน ธันวาคมสูงกว่า 30 บาท/กก. ดังนั้น กฟผ.จึงให้ส่งมอบ ในเดือน ธันวาคมเพียงกว่า 3 หมื่นตัน และ ส่วนที่เหลือให้ ส่งมอบรอบใหม่ในเดือน เมษายน 63

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ทีโอที – CAT ร่วมวงรับเอกสารประมูล 5G