เปิดกรุ! ศาลสั่งคุก นักการเมือง เพื่อไทย

เปิดกรุ! ศาลสั่งคุก นักการเมือง เพื่อไทย


ประเด็นร้อนแรง ทางการเมืองในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาคดี ที่อัยการสูงสุด  เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ สมัย รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย คดีคืนหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ

คำพิพากษาสั่ง จำคุก ! 2 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันตัว หลังจาก จำเลย ยื่นอุทธรณ์ โดยใช้หลักทรัพย์ 10 ล้านบาท

ย้อนรอยคดีความ นักการเมือง สังกัด พรรคเพื่อไทย  “สุรพงษ์” ถือเป็นรายที่ 12 ของ ที่ ถูกศาลพิพากษา “จำคุก” นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทย ก้าวขึ้นมาเป็น รัฐบาลช่วงปลายปี 2554 จนถึงกลางปี 2557 ก่อนถูกยึดอำนาจ โดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พบว่า ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีหลายราย ไล่มาถึงอดีต ส.ส.เพื่อไทย ถูก หลายฝ่าย ไล่บี้ โดยเฉพาะ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทำคดี ส่งศาลการเมือง เบ็ดเสร็จ แล้ว 6 ราย

  1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าววันที่ 27 ก.ย. 2560 ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ 5 ปี ตาม มาตรา 157 ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้ประเทศชาติขาดทุนหลายแสนล้านบาท รวมถึงไม่ยับยั้ง หรือตรวจสอบการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เกิดความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท คดีนี้สาธารณชนให้ความสนใจมาก เพราะโครงการรับจำนำข้าวถูกร้องเรียน การทุจริตตั้งแต่ช่วงเริ่มโครงการ ปลายปี 2554 ที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมามีอำนาจ กระทั่งถูกร้องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงปี 2555 ก่อนรวบรวมพยานหลักฐาน สอบทั้งทางตรง ทางลับ กระทั่งมีมติชี้มูลความผิดเมื่อกลางปี 2557 โดยเป็นการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ระหว่าง “อัยการ-ป.ป.ช.” ก่อนมีมติส่งฟ้องศาลฎีกาฯเมื่อปี 2558

อย่างไรก็ดีวันนัดฟังคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ “หลบหนี” ไม่มาตามนัด และศาลฯได้ออกหมายจับ โดยข้อมูลจากสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้วีซ่าให้พำนักที่ประเทศอังกฤษได้เป็นเวลา 10 ปี แต่ไม่สามารถอยู่เกินได้ครั้งละ 6 เดือน

  1. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ 3. นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบจีทูจี เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกนายบุญทรง 42 ปี นายภูมิ 36 ปี กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วฯ ซึ่งมีอัตราโทษรุนแรง

คดีนี้นับเป็นกรณี ‘คลาสสิค’ การทุจริตเชิงนโยบาย ข้อมูลการไต่สวนของ ป.ป.ช. และชั้นศาลฎีกาฯ ทำให้เห็นว่า ต้นตอที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ เพราะการคิดค้นนโยบายรับจำนำข้าว เมื่อชาวนานำข้าวมาจำนำแล้ว ข้าวถูกเก็บสต็อกในโกดัง ทำให้ต้องคิดนโยบายระบายข้าวออกมา โดยการระบายข้าวแบบจีทูจีคือหนึ่งในวิธีนั้น แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า ไม่ได้มีการทำจีทูจีกับประเทศจีนจริง แต่กลับนำรัฐวิสาหกิจจีนที่ไม่มีอำนาจทำจีทูจีมาดำเนินการ และมีการกระจายข้าวให้กับกลุ่ม ‘เสี่ยเปี๋ยง’ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่าย โดยมี นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นตัวกลาง ‘ดีล’ นำข้าวมาวนเวียนขายอยู่ภายในประเทศในราคาสูง ส่งผลให้ชาติเสียหายหลายหมื่นล้านบาท

นอกเหนือจากนายภูมิ และนายบุญทรงแล้ว ยังมีอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และเอกชนเครือข่าย ‘เสี่ยเปี๋ยง’ พาเหรดติดคุกด้วยรวม 21 ราย

 

  1. นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2560 ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกนายเกษม 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินฯเป็นเท็จ แบ่งข้อเท็จจริงได้ 2 กรณี คือ ช่วงพ้นตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ แจ้งรายการหนี้สินจำนวน 72 ล้านบาทอันเป็นเท็จ เนื่องจากไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า หนี้สินดังกล่าวเป็นการกู้ยืมเงินมาจริง

 

นายเกษม ยังไม่หมดเคราะห์กรรมแค่นั้น ศาลฎีกาฯได้พิพากษา ‘ยึดทรัพย์’ รวมวงเงินกว่า 189 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 สำนวน สำนวนแรกศาลฎีกาฯพิพากษาให้ยึดทรัพย์สินของนายเกษม นางดวงสุดา และนางบุญทอง รวมทั้งสิ้น 168,453,245 บาท เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินได้ และมีมติให้คืนทรัพย์สินในส่วนของรถยนต์โตโยต้ามูลค่า 7 แสนบาท และหุ้น NFC จำนวน 9,870 หุ้น

  1. นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย, 5 นายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรฯ อดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก นายชูชีพ และนายสวัสดิ์ รายละ 6 ปี ไม่รอลงอาญา คดีปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) กรณีทุจริตการจัดซื้อปุ๋ยและสารเคมีเมื่อปี 2545

 

อย่างไรก็ดีหากนับคดีอื่น ๆ ในชั้นศาลอาญาปกติ มีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยอย่างน้อย 5 ราย ที่ถูกพิพากษาจำคุก ได้แก่

1.นายจตุพร พรหมพันธ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายจตุพร 1 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใส่ความว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้สั่งฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553

  1. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำ นปช. นายอริสมันต์ หรือ ‘กี้ร์’ ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 คดี ใน 2 ศาล คดีแรก เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2560 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายอริสมันต์ 1 ปี คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ ใส่ความเรื่องการบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553

 

คดีที่สอง ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายอริสมันต์ 4 ปี คดีบุกขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) ที่พัทยา เมื่อปี 2552 พร้อมกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายราย อย่างไรก็ดีคดีนี้อยู่ระหว่างฎีกา และศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวนายอริสมันต์ ด้วยวงเงิน 2.2 ล้านบาท

 

  1. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย คดีหมิ่นเบื้องสูง เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2557 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก จ.ส.ต.ประสิทธิ์ 2 ปี 6 เดือน คดีหมิ่นเบื้องสูง จากกรณีปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง มีการพาดพิงถึงเบื้องสูง อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2559 จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ได้ถูกพ้นโทษคดีดังกล่าวแล้ว

 

4.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, 5. นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย คดีหมิ่นประมาทตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือน ก.ค. 2558 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายพร้อมพงศ์ และ นายเกียรติอุดม 1 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาทนายวสันต์  สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 รายได้ใส่ความว่า นายวสันต์ เปิดห้องให้นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้าพบ ก่อนหน้าตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์  ปัจจุบันทั้ง 2 ราย ได้พ้นโทษออกมาแล้ว

 

หากรวมคดีของนายสุรพงษ์ในวันที่ 19 มิ.ย. 2561 เบ็ดเสร็จรวมแล้วมีนักการเมือง ‘ซีกสีแดง’ อย่างน้อย 12 ราย ถ้านับเฉพาะช่วงพรรคเพื่อไทยก้าวขึ้นมามีอำนาจเมื่อปลายปี 2554 ที่ถูกศาลพิพากษา ‘ติดคุกจริง’

นี่ยังไม่นับรวมอดีตนักการเมืองสมัย ‘ไทยรักไทย’ ที่ถูกจำคุกอีกหลายราย เช่น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในคดีแก้ไขสัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์ให้เครือชินคอร์ปฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกจริง 1 ปี ปัจจุบันพ้นโทษแล้ว

หรือสมัย ‘พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน’ มีอดีต ‘บิ๊กนักการเมือง’ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ราย ได้แก่ นายสมัคร สุนทรเวช (เสียชีวิตแล้ว) อดีตนายกรัฐมนตรี นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย คดีทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือ-อุปกรณ์ดับเพลิง และ มีอีกรายที่ ‘รอดคุก’ ได้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี คดีสั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2551 ที่ศาลฎีกาฯพิพากษายกฟ้อง

นอกจากนี้ยังมีบางราย ‘หลบหนี’ เร้นกายไปซุกตัวอยู่ต่างประเทศ  ไล่มาตั้งแต่ หัวขบวน นายใหญ่  ทักษิณ ชินวัตร นายประชา มาลีนนท์ นายวัฒนา อัศวเหม คนล่าสุดคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ส่วนใครจะเป็นคิวต่อไป ต้องรอติดตาม !