“กลุ่ม ปตท.”จับมือ “กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท.” คาดการณ์ราคาน้ำมันปี 63

“กลุ่ม ปตท.”จับมือ “กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท.” คาดการณ์ราคาน้ำมันปี 63


กลุ่ม ปตท. ร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. คาดการณ์ราคาน้ำมันปี 63 ชี้! จับตาสงครามการค้า ทำน้ำมันปรับตัวทิศทางไหน?

วันนี้ (27 พ.ย.62) ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Expert) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 อยู่ที่ 55 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ สงครามการค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก การเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปก และนโยบายของกลุ่มโอเปกในการควบคุมการผลิตเพื่อรักษาสมดุลของตลาด

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา 2019 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Sustainable Energy…Shaping A Better Future – อนาคตพลังงาน สานพลังเพื่อความยั่งยืน” ซึ่ง ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของ กลุ่ม ปตท. หรือ PRISM Expert ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้น เพื่อนำเสนอทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงความท้าทายของพลังงานในอนาคตที่ต้องเผชิญ และแนวทางการรองรับเพื่อมุ่งสู่พลังงานที่ยั่งยืน รวมถึงการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน นักการเงินการธนาคาร สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป

“การวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานที่น่าสนใจจากทีม PRISM Expert กลุ่ม ปตท. และการได้ร่วมรับฟังความคิดเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิในช่วงการเสวนาฯ จะทำให้เรารู้ เข้าใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ อีกทั้งมองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจ เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ และสิ่งที่สำคัญคือ การร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกันสานพลังให้เกิดความยั่งยืน (Sustainable Growth for All) ให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต ตามนโยบายของ กลุ่ม ปตท.”

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เปิดเผยทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 2563 ว่า “ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.0 – 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และความต้องการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรอาจส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโตช้าลง

ทำให้กลุ่ม OPEC ยังคงต้องใช้นโยบายควบคุมการผลิตเพื่อรักษาสมดุลของตลาด ทีม PRISM Expert จึงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 จะอยู่ในช่วง 55 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยระยะยาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำมันที่ต้องติดตาม อาทิ นโยบายพลังงานสีเขียว และการพัฒนาของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่พลังงานที่ยั่งยืนอาจทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนไป”

ทั้งนี้ การจัดงาน The Annual Petroleum Outlook Forum ดำเนินการต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2555 โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน (PRISM Expert) จากบริษัทในกลุ่ม ปตท. นำเสนอข้อมูลการวิเคราะห์สถานการณ์พลังงานเป็นประจำผ่านช่องทาง https://prism.pttgrp.com


ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“สนธิรัตน์” เปิดใจม็อบพลังงาน ยันทำยากปรับราคาน้ำมันเท่ามาเลย์