พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ว่า ตนขอฝากพี่น้อง ข้าราชการในพื้นที่ ทั้งส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น จะต้องรู้ทั้งหมดที่ตนพูดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานของตัวเองก็ตาม ทั้งนี้พวกท่านจะได้ใช้โอกาสไปสร้างความเข้าใจเวลาชาวบ้านถาม ไม่ใช่เกษตรก็ตอบได้แต่เกษตร พาณิชย์ก็ตอบได้แต่ค้าขาย โดยทุกคนต้องรู้ในลักษณะของการบูรณาการว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้ว และจะเชื่อมกันอย่างไร ประชาชนจะเข้าไปเชื่อมต่อได้ในช่องทางไหน อาทิ ในช่วงที่เรามีการตั้งราคากลางข้าว ประชาชนต้องการรู้ว่า ข้าวหอมมะลิเป็นยังไง ข้าวขาวเท่าไหร่ ข้าวเหนียวเท่าไหร่ จะต้องให้ข้อมูลกับเขาได้ เพื่อเกษตรกรได้ตัดสินใจเองว่า เขาจะขายดีหรือไม่ ถ้าราคามันยังต่ำ เขาก็ไปจำนำยุ้งฉาง ฝากไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เมื่อเขาพอใจ ราคาข้าวก็สูงขึ้น จึงจะนำออกมาขาย
ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ บางคนอาจจะไม่ทราบตรงนี้ ต้องลงรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นที่เราทำไปทั้งหมด มันก็มีทั้งคนได้ คนไม่ได้ คนได้ก็พอใจ คนไม่ได้เขาก็เสียใจ เขาไม่ได้เพราะอะไร เขาไม่เข้าใจ คือไม่รู้ ไม่รับทราบ ไปถามคนนี้ก็ตอบไม่ได้ ถามอีกพวกก็ตอบไม่ได้ เราไม่สามารถที่จะทำให้ประชาชนรู้พร้อมกันได้ทั้งหมด แต่ข้าราชการในท้องถิ่น ในพื้นที่ ต้องช่วยกัน
ตนขอฝากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล ท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ท่านต้องรู้ทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ ท่านต้องรู้ทุกช่องทาง ท่านต้องรู้ถึงโอกาส และรู้ถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ เพื่อท่านจะได้เชื่อมต่อความต้องการของประชาชนมาให้ถึงรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลได้ลงไปพบปะพี่น้องประชาชน กลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นการเข้าไปเพื่อรับฟังปัญหา เข้าไปสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ให้ตรงกับความต้องการ จัดลำดับความเร่งด่วน ความเดือดร้อน โดยจะต้องปรับแผนงาน โครงการของรัฐบาลที่จัดทำไว้ได้ล่วงหน้า ซึ่งทำจากข้อมูล ฐานข้อมูล แต่จะต้องรับฟังประชาชนด้วย เมื่อกลับมาจากการลงพื้นที่ทุกครั้ง เราก็ได้เห็นข้อมูลใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รับทราบถึงภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชน ความร่วมมือของพี่น้องในชุมชน ความยากลำบากของประชาชน
ที่สำคัญคือ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพี่น้องหลายคน ในการที่พร้อมจะเรียนรู้ ปรับตัว เปิดใจ เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน และ เชื่อมั่นในความพยายาม การใฝ่หาความรู้ ว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด เหมือนกับเราเข้าไปซึมซับ “พลังบวก” และ “มิตรภาพ” จากแววตา จากการแสดงออกของประชาชน ทำให้ตนรู้สึกมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ให้กำลังใจตน คณะรัฐมนตรีทุกคน เราก็พร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรค พร้อมที่จะเดินหน้าประเทศของเราไปให้เกิดความยั่งยืนให้ได้ โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย การที่ลงไปดูนั้นหมายความว่า เราจะเห็นถึงความต้องการของเขา ถ้าลำบากมาก เราก็ต้องทำให้เขาก่อน มีการปรับแผนงาน งบประมาณลงไปให้เขาให้ได้ หรือไม่ถ้าเร่งด่วนจริงๆ ก็อาจจะต้องหางบกลาง หรืองบอื่นๆ เติมลงไปให้ได้มิฉะนั้นแล้วก็ไม่ตรง ไม่ทันเวลา ต้องทำให้พื้นที่ใดก็ตามที่มีความขาดแคลน พื้นที่ใดก็ตามที่มีความเดือดร้อนก่อน ความเสียหายมาก เราก็ต้องแก้ไขดูแลเขาก่อนทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สำหรับความทั่วถึงนั่นก็คือเราใช้งบประมาณลงทุกภาค ที่มีความใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะภาคใดก็ตาม ใน 6 ภาคของเราในปัจจุบันนั้น งบประมาณจะใกล้เคียงกัน เพราะมีการจัดงบประมาณในทั้ง ภาค, กลุ่มจังหวัด และจังหวัด และในส่วนของงบบูรณาการ งบงานตามนโยบายเข้าไปช่วยเหลือ
ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ บางคนอาจจะไม่ทราบตรงนี้ ต้องลงรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นที่เราทำไปทั้งหมด มันก็มีทั้งคนได้ คนไม่ได้ คนได้ก็พอใจ คนไม่ได้เขาก็เสียใจ เขาไม่ได้เพราะอะไร เขาไม่เข้าใจ คือไม่รู้ ไม่รับทราบ ไปถามคนนี้ก็ตอบไม่ได้ ถามอีกพวกก็ตอบไม่ได้ เราไม่สามารถที่จะทำให้ประชาชนรู้พร้อมกันได้ทั้งหมด แต่ข้าราชการในท้องถิ่น ในพื้นที่ ต้องช่วยกัน
ตนขอฝากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล ท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ท่านต้องรู้ทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ ท่านต้องรู้ทุกช่องทาง ท่านต้องรู้ถึงโอกาส และรู้ถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ เพื่อท่านจะได้เชื่อมต่อความต้องการของประชาชนมาให้ถึงรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลได้ลงไปพบปะพี่น้องประชาชน กลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นการเข้าไปเพื่อรับฟังปัญหา เข้าไปสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ให้ตรงกับความต้องการ จัดลำดับความเร่งด่วน ความเดือดร้อน โดยจะต้องปรับแผนงาน โครงการของรัฐบาลที่จัดทำไว้ได้ล่วงหน้า ซึ่งทำจากข้อมูล ฐานข้อมูล แต่จะต้องรับฟังประชาชนด้วย เมื่อกลับมาจากการลงพื้นที่ทุกครั้ง เราก็ได้เห็นข้อมูลใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รับทราบถึงภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชน ความร่วมมือของพี่น้องในชุมชน ความยากลำบากของประชาชน
ที่สำคัญคือ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพี่น้องหลายคน ในการที่พร้อมจะเรียนรู้ ปรับตัว เปิดใจ เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน และ เชื่อมั่นในความพยายาม การใฝ่หาความรู้ ว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด เหมือนกับเราเข้าไปซึมซับ “พลังบวก” และ “มิตรภาพ” จากแววตา จากการแสดงออกของประชาชน ทำให้ตนรู้สึกมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ให้กำลังใจตน คณะรัฐมนตรีทุกคน เราก็พร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรค พร้อมที่จะเดินหน้าประเทศของเราไปให้เกิดความยั่งยืนให้ได้ โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย การที่ลงไปดูนั้นหมายความว่า เราจะเห็นถึงความต้องการของเขา ถ้าลำบากมาก เราก็ต้องทำให้เขาก่อน มีการปรับแผนงาน งบประมาณลงไปให้เขาให้ได้ หรือไม่ถ้าเร่งด่วนจริงๆ ก็อาจจะต้องหางบกลาง หรืองบอื่นๆ เติมลงไปให้ได้มิฉะนั้นแล้วก็ไม่ตรง ไม่ทันเวลา ต้องทำให้พื้นที่ใดก็ตามที่มีความขาดแคลน พื้นที่ใดก็ตามที่มีความเดือดร้อนก่อน ความเสียหายมาก เราก็ต้องแก้ไขดูแลเขาก่อนทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สำหรับความทั่วถึงนั่นก็คือเราใช้งบประมาณลงทุกภาค ที่มีความใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะภาคใดก็ตาม ใน 6 ภาคของเราในปัจจุบันนั้น งบประมาณจะใกล้เคียงกัน เพราะมีการจัดงบประมาณในทั้ง ภาค, กลุ่มจังหวัด และจังหวัด และในส่วนของงบบูรณาการ งบงานตามนโยบายเข้าไปช่วยเหลือ