“พิธา” พร้อมตั้งรัฐบาล 309 เสียง “เพื่อไทย” ประกาศหนุน “ก้าวไกล” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล 6 พรรค

“พิธา” พร้อมตั้งรัฐบาล 309 เสียง “เพื่อไทย” ประกาศหนุน “ก้าวไกล” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล 6 พรรค


“พิธา” พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 309 เสียง ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาชาติ-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย-เป็นธรรม”เพื่อไทย” ยินดี-ตอบรับ “ก้าวไกล” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล 6 พรรค ไม่คิดตั้งรัฐบาลแข่ง เชื่อ 309 เสียงเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่ต้องสอบผ่านเสียงรัฐสภา 376 เสียง เป็นหน้าที่ “ก้าวไกล” แก้ปม 376 เสียง แต่เชื่อ ส.ว.ยอมรับเสียงข้างมากประชาชน

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดแถลงข่าวประกาศชัยชนะผลการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเสียง ส.ส. 151 เสียง พร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ติดต่อแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ทั้งเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย ร่วมกับพรรคก้าวไกล รวม 308 เสียง และอยู่ระหว่างติดต่อพรรคเป็นธรรม รวมเป็นรัฐบาล 309 เสียง เพียงพอต่อการตั้งรัฐบาล และปิดประตูการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

“ได้โทรศัพท์หาคุณแพทองธาร ชินวัตร แสดงความยินดีกับความมุ่งมั่นตั้งใจในการเดินทางหาเสียง ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ และได้เชิญชวนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ในการจัดตั้งรัฐบาลตามที่เคยสัญญากับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ได้พูดคุยถึงแผนการทำงานในวันถัดไป หรือในสัปดาห์นี้ และการจัดตั้งทีมทำงานกับพรรคเพื่อไทยด้วย ในส่วนของพรรคเป็นธรรม เนื่องจากเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อในความมั่งคั่งทางอาหาร มากกว่าความั่นคงทางทหาร” นายพิธา กล่าว

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด และจะเดินหน้านำโรดแมพของพรรคก้าวไกลเจรจากับพรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อก้าวไปสู่ภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตั้งสภาร่างรัฐธรมนูญ (ส.ส.ร.) รวมถึงเดินสายพบทุกภาคส่วนเพื่อทำความเข้าใจ ทั้งนักธุรกิจ ภาคประชาชน ข้าราชการ

“หลังจากนี้พร้อมที่จะพูดคุยกับ 5 พรรค ต้องมีการทำ MOU เพื่อให้เห็นถึงความคาดหวังในการทำงาน แลเพื่อให้ประชาชนเห็นได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะคิดว่าการที่จะเป็นรัฐบาลที่ดีได้ต้องมีส่วนร่วมจากประชาชนด้วย” นายพิธา กล่าว

พร้อมทั้งยืนยันการแก้ไข ม.112 ไม่ใช่การยกเลิก ม.112 โดยสามารถทำได้ในสภา และต้องใช้ส.ส. จำนวนหนึ่ง ซึ่งส.ส. ก้าวไกล 151 ก็เกินแล้ว และสามารถเกิดการพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะในรัฐสภา และทำอย่างรอบคอบ รวมทั้งการทบทวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง และพูดคุยถึงโอกาสในการนิรโทษกรรม

นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวลเสียง 250 ส.ว.เพราะเชื่อว่าจะคงไม่มีใครกล้าฝืนมติประชาชน เพราะไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดเลย

สำหรับในส่วนของการร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะให้สัญญากับประชาชนแล้วว่า การพลิกขั้วจากฝ่ายค้านมาจัดตั้งรัฐบาลเป็นความฝันของประชาชน ซึ่งขณะนี้รวมกันได้ 300 กว่าเสียง ในระบบปกติก็ไม่มีปัญหาแล้ว ดังนั้น เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทมติ

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้ก้าวไกลได้คะแนน 151 เพื่อไทย 141 สิ่งสำคัญคือนโยบายที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้อยู่ที่กระทรวง ต้องรอการเจรจาของคณะทำงาน และคณะกรรมการที่จะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาล ตนพร้อมดำรงตำแหน่งในนายกรัฐมนตรี และเป็นส.ส. ทั้งนี้ หากจำเป็นก็สามารถควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงได้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางกลับกันถ้ามีผู้อื่นที่มีความเชี่ยวชาญ เหมาะสมกว่าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้หมดเวลาของการทำรัฐประหารในประเทศไทยแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้เป็นของก้าวไกล แต่เป็นของประชาชน ที่อยากให้ประเทศไทยการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต และต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ และประชาธิปไตย

ในส่วนของนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำ MOU ทั้งนี้ ต้องมีการทำประชามติก่อน ส่วนเรื่องการกระจายอำนาจส่วนใหญ่ทุกพรรคเห็นด้วย ตอนนี้น้ำหนักทางการเมืองออกมาแล้ว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมเจรจา

“นโยบายแต่ละนโยบายไม่ใช่กระทรวงเดียวกัน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลเอานโยบายเป็นที่ตั้ง นโยบายใดจะเรียงลำดับความสำคัญอย่างไร คณะกรรมการจะมีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง” นายพิธา กล่าว

“เพื่อไทย” ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง หนุน “ก้าวไกล” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง และยอมรับที่พรรคก้าวไกลเสนอตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลจะเชิญพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แถลงไว้ และยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล

ส่วนประเด็นในการหารือ และกระบวนการต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายดำเนินการ เบื้องต้นยังไม่เห็นเอ็มโอยูของพรรคก้าวไกล เพราะยังไม่ได้เริ่มพูดคุยในรายละเอียด

“พรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนว่า ระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องให้พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ พรรคเพื่อไทยยินดีและพร้อมสนับสนุน การพูดคุยในเบื้องต้นได้ประสานกัน ส่วนการพูดคุยในรายละเอียดเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคที่ต้องมาพูดคุย”

สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องอยู่ที่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งต้องได้ 376 เสียงขึ้นไป ซึ่งพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต้องแสวงหาเสียงให้ได้ ซึ่งโดยหลักการ ส.ว.ต้องยอมรับเสียงของประชาชน

ส่วนการที่จะร่วมหรือไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น อยู่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องเป็นผู้ดำเนินการ เราจะไม่ก้าวล่วงไปตรงนั้น

ขณะที่น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้พูดคุยและแสดงความยินดีกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากจากประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากเคยทำงานในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านกัน พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะยกมือสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน

ส่วนจุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เรามีความชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 112 และยังยืนยันใช้ช่องทางสภาในการสนับสนุนเรื่องกฎหมายต่างๆ อย่างไรก็ตามการพูดคุยกับนายพิธาในช่วงเช้านี้ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ ซึ่งข้อเสนอต่างๆของพรรคเพื่อไทยก็มีอยู่ในใจอยู่แล้ว ขอคุยทั้งพรรคก่อนเพื่อให้เป็นข้อความเดียวกัน

“การเลือกตั้งก็เหมือนกีฬา มีผู้แพ้ผู้ชนะ แน่นอนว่า ผู้ที่แพ้หรืออันดับ 2 ถามว่ามีความผิดหวังบ้างไหม ก็มีบ้าง เพราะเราคิดว่า เป็นอันดับ 1 แต่เราก็ยอมรับ เพราะมันคือน้ำใจนักกีฬา เมื่อพรรคก้าวไกลได้อันดับ 1 เราแสดงความยินดีด้วย แล้วเราก็เชียร์เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประเทศชาติที่จะไปต่อได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ในช่วงท้าย น.ส.แพทองธาร ได้ตอคำถามถึงการประกาศกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการเลื่อนหรือยังเป็นตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนเลือกตั้งอันดับ 1 การกลับมาของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากนายทักษิณ ไม่ประกาศเลื่อนวันก็ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่ตั้งใจจะกลับเดือนกรกฎาคม

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ตั้งแต่การประหยัดน้ำไปจนถึงพลังงานสะอาด นี่คือเหตุผลว่าทำไมโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำจึงเฟื่องฟูในสหรัฐอเมริกา
https://www.thaiquote.org/content/250232

Honeywell ประกาศเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนไฮโดรเจนและ CO2 ให้เป็นเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนประเภทใหม่
https://www.thaiquote.org/content/250215

ญี่ปุ่นกำหนดให้เปิดเผย CO2 ที่ปล่อยออกมาจากการผลิตแบตเตอรี่ EV
https://www.thaiquote.org/content/250179