นายกฯ เตรียมตั้ง “สถานีวิทยุเด็กและครอบครัว” ห่วงเด็กไทยโตไปไร้คุณภาพ

นายกฯ เตรียมตั้ง “สถานีวิทยุเด็กและครอบครัว” ห่วงเด็กไทยโตไปไร้คุณภาพ


   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า สำหรับคำขวัญของนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ คือ “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี” ซึ่งตนเห็นว่าศักยภาพของเด็กไทย ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่าเด็กชาติไหนๆ ในโลก

      ทั้งนี้จากคำขวัญ “วันเด็ก” ที่มอบให้ ตนอยากให้เด็กไทยในยุค “ไทยแลนด์ 4.0” ได้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ของเราเองได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย หากเด็กของเราขาดซึ่ง “ครู” ที่มากด้วยคุณภาพ และศักยภาพ เพราะ “ครู – นักเรียน” มีความผูกพัน เชื่อมโยงกัน เหมือน “เหตุและผล” เมื่อเหตุดีผลก็งดงามตามมาด้วย

       ดังนั้น ตนจึงขอมอบคำขวัญ “วันครู” ครั้งที่ 62 ประจำปี 2561 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 มกราคม 2561 ว่า “ศิษย์ดี ก็ด้วยครูดี มีศรัทธา” ก็คือ ต่างฝ่ายต่างมีศรัทธาให้แก่กันและกัน ที่สำคัญ”ทั้ง 2 ฝ่าย” ต้องมีศรัทธาในสิ่งที่ทำ ก็คือ ความดี และการสร้างคุณประโยชน์ให้กับส่วนรวม และประเทศชาติ        

      สำหรับวันเด็กปีนี้ รัฐบาลไม่เพียงแต่มีคำขวัญ หรือ การจัดงานตามปกติเท่านั้น แต่ได้เตรียมของขวัญสำหรับเด็กและสังคมไทย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจัดให้มี “สถานีวิทยุเด็กและครอบครัว” เป็นช่องทางเฉพาะที่มีรายการหลากหลาย เพื่อเยาวชน ทุกช่วงวัย และครอบครัว

      ขณะที่ปัจจุบันประเทศของเรากำลังเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” (หรือ Aging society) เต็มรูปแบบ ในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่อัตราการเกิดน้อยลง คือ เด็กเกิดน้อยลง แต่ในจำนวนที่ลดลงนี้กลับมีอัตราการเกิด และการท้องที่ไม่พร้อมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งคนรุ่นใหม่แม้มีความพร้อมทางเศรษฐกิจ แต่อาจไม่ประสงค์จะมีลูก หรือไม่อยากจะแต่งงาน เพราะฉะนั้นจึงจะมีปัญหาซ้ำเติม 2 ชั้น คือนอกจากเด็กจะเกิดน้อยแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่เด็กเกิดมาน้อยนั้น ด้อยคุณภาพ อาจจะส่งผลต่อ “แรงงาน” ของชาติในอนาคตด้วย

      รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เป็นอย่างมากด้วยเด็กๆ คือ อนาคตของชาติ จะทำอย่างไรให้เด็กจำนวนที่เกิดมามากด้วยคุณภาพ เพราะพวกเขาต้องเติบโตกลายมาเป็นกำลังหลักในยุคต่อไป เรายิ่งต้องตระหนัก และช่วยกันดูแลลูกหลานของเราให้รู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามที่ตนได้กล่าวไว้ ในคำขวัญวันเด็กแล้ว เพราะต้องการจะเน้นให้เด็กๆ โดยเฉพาะ ตั้งแต่เด็กเล็กให้รู้เท่าทัน และใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์  เด็กบางคนที่ติดเกมต้องเป็นการเล่นเกมที่เกิดประโยชน์ หรือฝึกทักษะ แบบนี้สามารถส่งเสริมให้ถูกทางได้ แต่หากเป็นการถูกเกมมอมเมาแล้ว พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ต้องช่วยกัน ป้องกัน  แก้ไขสังคม และสื่อมวลชน ก็ต้องช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับลูกหลานไทยด้วย

         “เรื่องนี้สำคัญมากโดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้บัญญัติถึงความสำคัญกับเด็กเล็กไว้เป็นครั้งแรก โดยในมาตรา 54 วรรคสอง ว่า “…รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็ก ได้รับการดูแล และพัฒนา ก่อนเข้ารับการศึกษาเพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาให้สมกับวัย…” อีกทั้งยังเขียนสำทับไว้ ใน “หมวดปฏิรูป” อีกต่างหาก รัฐบาลจึงจะให้ของขวัญวันเด็ก แก่เด็กและครอบครัว ด้วยการมอบ “ความรู้” ที่ถูกต้อง เหมาะสม กับพัฒนาการเด็ก “ทุกช่วงวัย” ด้วยการนำร่องสร้างสถานีวิทยุเด็กและครอบครัว โดยเฉพาะไม่มีรายการอื่นปะปน โดยตนได้มอบนโยบายให้กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งศึกษาหาแนวทางการดำเนินการมาเสนอ โดยให้เริ่มออกอากาศในทันทีที่พร้อม ซึ่งคาดว่าจะทันใน”วันครอบครัว” เดือนเมษายนปีนี้แน่นอน”

        อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ตนต้องให้นโยบายเป็นพิเศษ เพราะรู้ดีว่ารายการทางสื่อนั้นที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายการเด็ก ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับ “ความสำเร็จทางธุรกิจ” ที่วัดกันด้วยผลประโยชน์และกำไร “ที่เป็นเงินตรา” จึงมุ่งเน้นนำเสนอรายการบันเทิงเริงรมย์ ซึ่งก็ไม่ได้เสียหาย เพียงแต่ว่าเราต้องมีทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากวันนี้ ในทางธุรกิจนั้นอาจจะแข่งขันกันไม่ได้ หรือไม่มีรายได้ที่มีผลต่อการประกอบการ

       ดังนั้นการที่จะผลิตสื่อสำหรับเด็กและครอบครัวจึงเป็นเรื่องยาก โดยมี “คุณภาพชีวิตและศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ของชาติ” เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่ไม่อาจสะท้อนได้จากเพียง GDP เท่านั้น เราต้องคำนึงถึง “ความสุข” ของคนในชาติ เป็นสำคัญ  รัฐบาลนี้จึงต้องเข้ามาสนับสนุน และ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการเอง ในส่วนที่เอกชนไม่ลงทุน สิ่งที่กล่าวมานี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษา และการปฏิรูปสื่อมวลชน และระบบดิจิตอลเทคโนโลยีด้วย