คิดสักนิด ก่อนใช้น้ำ! รู้จัก “Water Footprint” กว่าจะเป็น อาหาร ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เราต้องเสียน้ำไปเท่าไหร่?

คิดสักนิด ก่อนใช้น้ำ! รู้จัก “Water Footprint” กว่าจะเป็น อาหาร ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เราต้องเสียน้ำไปเท่าไหร่?

💧👣รู้จัก Water Footprint เมื่อน้ำอยู่รอบเรา ต่อจากนี้ไป กระแสการผลิตสินค้าที่คำนึงถึงปริมาณการใช้น้ำตลอดวัฏจักรชีวิต หรือ Water footprint ในระดับโลกจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และอาจจะเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตสินค้าต้องคำนึงถึงค่า Water footprint มากขึ้น

Water Footprint คือ ผลรวมของการใช้น้ำในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงมือผู้บริโภค

💦น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการดำรงชีวิต ถึงแม้จะเป็นทรัพยากรหมุนเวียน แต่ 97% ของน้ำทั้งหมดบนโลกคือน้ำในมหาสมุทร เหลือเพียง 3% เท่านั้นที่เป็นน้ำจืด

.

การใช้น้ำถูกแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ นั่นคือการใช้น้ำทั้งทางตรง คือการใช้น้ำทั่วไปในแต่ละวัน เช่น อาบน้ำ ล้างจาน ซักผ้า เป็นต้น ขณะที่การใช้น้ำทางอ้อมคือการกิน การใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เพราะไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทุกอย่างล้วนมีน้ำเป็นองค์ประกอบในกระบวนการผลิตทั้งสิ้น หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่ารอยเท้าน้ำ

.

รอยเท้าน้ำ หรือ water footprint คือค่าชี้วัดการใช้น้ำของสินค้า หรือบริการ โดยคำนวณจากผลรวมของทุกขั้นตอนตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค
.

แบ่งเป็น 3 ประเภท
1. Blue Water Footprint: ปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งน้ำผิวดิน และใต้ผิวดิน
เช่น น้ำจากบึง, แม่น้ำ, บ่อบาดาล
2. Green Water Footprint: ปริมาณน้ำจากน้ำฝนที่สะสมเป็นความชื้นในดิน ส่วนมากใช้ทำเกษตร
เช่น การปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ การทำไม้
3. Gray Water Footprint: ปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิต ที่บำบัดแล้ว
คือ น้ำเสียที่บำบัดแล้วปล่อยทิ้งในแหล่งน้ำธรรมชาติได้

💧👣การวัดรอยเท้าของน้ำจึงเปรียบเสมือนตัวช่วยให้เราเข้าใจได้ว่าข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย รวมไปถึงอาหารที่เราบริโภคในแต่ละวัน ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำจืดอย่างไรบ้าง และเพื่อที่จะร่วมกันหาวิธีใช้น้ำอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อโลกเรามากขึ้น

อ้างอิง

ที่มา : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม