กลยุทธ์ขยายตลาดในอินเดีย โอกาสทองในวันโลกผันผวน

กลยุทธ์ขยายตลาดในอินเดีย โอกาสทองในวันโลกผันผวน

เส้นทาง ขยายตัวสู่ตลาดอินเดีย จากเวทีเสวนา  “เป้าหมายถัดไป อินเดีย” แลกเปลี่ยนกลยุทธ์สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจไทยเติบโตในยุคที่ตลาดกำลังขยายตัว เห็นโอกาสจากภูมิศาสตร์และอุตสาหกรรมน่าสนใจ ชี้เตรียมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาคการเงินและธนาคารในเอเชียได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ประกอบการทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอินเดีย ซึ่งมีจำนวนประชากรมหาศาลและเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาดอินเดียเป็นแหล่งโอกาสสำคัญ ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในหลายระดับ 

ธนาคารกรุงเทพ มุ่งมั่นที่จะเป็นคู่คิด และสนับสนุนธุรกิจไทยให้เติบโตในตลาดที่กำลังเติบโตนี้ จัดงานเสวนา “The Next Strategic Move: India” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจในตลาดอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีของธนาคาร ซึ่งถือเป็นโอกาสทองในการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน

 

อินเดีย ตลาดการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสำหรับไทย

นาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า หลายคนมองว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอุปสรรคในการลงทุน แต่แท้จริงแล้ว ความซับซ้อนของระบบอินเดียไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ใหญ่เกินไป เพียงแต่ต้องเข้าใจโครงสร้างที่หลากหลายของประเทศนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีภาพความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วน จึงยังไม่เห็นถึงโอกาสการลงทุนที่อินเดีย

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 8% ต่อปี ซึ่งมีสัดส่วน 17% ของ GDP โลก และภายในปี 2570 คาดว่าอินเดียจะกลายเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยจำนวนประชากรมากที่สุดและต้นทุนที่ต่ำ อินเดียจึงเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนที่สำคัญ ทั้งยังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง พร้อมสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

“ไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดยมีความร่วมมือกันทั้งในระดับอาเซียน และเป็นหุ้นส่วนในระดับทวิภาคีต่างๆ แต่การลงทุนของไทยในอินเดีย ยังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจุบันการลงทุนของไทยในอินเดียเป็นอันดับ 5 รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม” นาเคศ กล่าว

 

ทำไมต้องอินเดีย?

  1. ประชากรและแรงงานหนุ่มสาว ประชากรกว่า 20.8% ของอินเดียอยู่ในวัยทำงานและมีอายุน้อย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน 
  2. อินเดียยังมีความเชี่ยวชาญ ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเติบโตได้ดี
  3. การเติบโตของสตาร์ทอัพ อินเดียมีสตาร์ทอัพเกิดใหม่มากมาย รวมถึงยูนิคอร์นหลายแห่ง โดยประเทศนี้ถือเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย
  4. ศูนย์กลางเทคโนโลยีและการผลิต อินเดียถูกวางตำแหน่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีในด้าน IT การผลิต และเทคโนโลยีล้ำหน้า อีกทั้งยังมีนโยบายที่สนับสนุนการลงทุนในภาคเทคโนโลยี ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมไอทีแล้วยังสร้างโอกาสการลงทุนที่แข็งแกร่ง
  5. เศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการเงินที่พัฒนา ระบบการเงินอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว การชำระเงินแบบเรียลไทม์ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ
  6. เป้าหมายการใช้พลังงานสะอาด อินเดียตั้งเป้าเพิ่มพลังงานสะอาดเป็น 400-500 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 การเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีสีเขียวนี้ไม่เพียงช่วยลดมลภาวะ แต่ยังเสริมสร้างศักยภาพด้านพลังงานให้ยั่งยืนในระยะยาว
  7. ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ ด้วยชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่สูงขึ้น อินเดียกลายเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกในอนาคตอันใกล้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมการบริโภคภายในประเทศ

 

 

 

นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอินเดีย เผยถึงสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้ากลุ่ม Supply Chain ว่า ยังเป็นที่ต้องการและมีโอกาสอีกมากในตลาดอินเดีย ที่กำลังเติบโตและมีความต้องการสูง ทั้งด้านการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อไทยและอินเดียอย่างใกล้ชิด สิ่งสำคัญในการเข้าไปทำธุรกิจในอินเดียคือ ความเชื่อมั่น (Trust) และ ความมั่นใจ (Confidence) เปิดใจที่จะยอมรับและทำความรู้จักตลาดอินเดียให้มากขึ้น เพราะตลาดอินเดียถือว่าเป็นดาวรุ่งของการลงทุนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับนักธุรกิจของไทย ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในหลายด้าน

 

  1. อินเดียกับไทยใกล้กันกว่าที่คิด

การเชื่อมต่อที่สะดวกและใกล้ชิด ไทยและอินเดียมีเส้นทางขนส่งหลากหลาย ทั้งทางอากาศที่เชื่อมต่อถึง 328 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทางบกที่เชื่อมโยงไทย-เมียนมา-อินเดีย และทางน้ำที่ใช้ท่าเรือระนองกับท่าเรือมุมไบ ทำให้การส่งสินค้าบริการทำได้สะดวก รวดเร็ว และได้เปรียบกว่าประเทศอื่น 

 

 

 

  1. โอกาสทองและอนาคตของการลงทุน

ประชากรอินเดียกว่า 1,400 ล้านคน มีการบริโภคที่สูง โดยเฉพาะสินค้าไทย เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,000 ล้านบาท และสินค้าประเภทผลไม้สดและแปรรูปที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่นำไปสู่ความต้องการสินค้าตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้น

“จะเห็นได้ว่าตามเมืองใหญ่ๆ มีการก่อสร้างอาคารและคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาก ทำให้ความต้องการของสินค้าตกแต่งบ้านก็สูงขึ้น เพราะกลุ่มคนชั้นกลางถึงสูง ต้องการสินค้าที่มีความแปลกใหม่ โดดเด่นแตกต่างกันออกไป ซึ่งในประเทศอินเดียก็มีหลากหลายเชื้อชาติและมีคนไทยอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน ทำให้ความต้องการของสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นและเป็นโอกาส สำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ” 

 

 

 

 

  1. อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ 

อินเดียเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเข้าสู่ตลาด รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น เกษตรแปรรูป ธุรกิจบริการ และโรงแรม นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายเมืองเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยปัจจุบันมีบริษัทในไทยเข้าไปลงทุนอยู่ราว 45 บริษัทเท่านั้น 

“สินค้าและการลงทุนจากไทย ยังเป็นที่ต้องการจากอินเดียเป็นอันดับต้นๆ และมีโอกาสในการขยายตลาดอีกมาก เช่น ธุรกิจร้านอาหารในกรุงนิวเดลี พบว่ามีร้านอาหารไทยเพียง 1 ร้าน ทั้ง ๆ ที่มีประชากรกว่า 30-40 ล้านคน นักธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนในอินเดียควรจะเริ่มจากการส่งออกสินค้าไปอินเดียก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยกับตลาด ซึ่งอินเดียค่อนข้างมีความซับซ้อนในเรื่องของข้อกฎหมายที่มีทั้งกฎหมายส่วนกลาง และกฎหมายระดับท้องถิ่น แต่หากสามารถเข้าไปลงทุนในอินเดียได้ เชื่อมั่นว่าเป็นตลาดใหม่ที่สร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างมั่นคง” 

 

 

  1. โอกาสและความท้าทายของการลงทุน

เศรษฐกิจอินเดียน่าสนใจและศักยภาพสูง แต่ด้วยโครงสร้างกฎหมายที่ซับซ้อน ซึ่งมีทั้งกฎหมายระดับรัฐบาลกลางและท้องถิ่น ผู้ประกอบการต้องทำการศึกษาตลาดอย่างรอบด้าน อีกทั้งวัฒนธรรมที่หลากหลายทำให้ความต้องการของผู้บริโภคแตกต่างกันไปตามพื้นที่ นอกจากนี้ ตลาดอินเดียยังแข่งขันที่สูง เนื่องจากหลายประเทศกำลังจับตาและเข้ามาลงทุน ดังนั้นธุรกิจไทยต้องมีความเข้มแข็งและพร้อมสู้กับคู่แข่งจากต่างชาติ

นโยบายที่เข้มงวดของอินเดียยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยเฉพาะมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าซึ่งจำเป็นต้องขออนุญาตและผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด เช่น สินค้าที่มีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบ นอกจากนี้ การติดฉลากสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบมังสวิรัติก็เป็นข้อกำหนดสำคัญ โดยต้องระบุการผลิตและส่วนประกอบให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของตลาดอินเดีย

นักลงทุนควรศึกษากฎหมายทั้งในระดับกลางและระดับท้องถิ่น รวมถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายของอินเดียที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค จะช่วยลดปัญหาและเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเติบโตในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง

 

 

เป้าหมายการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเป้าหมายในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดอินเดียที่มีศักยภาพสูง อินเดียถือเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลกและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ทำให้เป็นตลาดที่น่าลงทุนสำหรับนักธุรกิจไทยในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า

ธนาคารกรุงเทพได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการด้านคำปรึกษาการลงทุน โดยครอบคลุมข้อมูลเชิงลึกทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม และกฎระเบียบต่าง ๆ รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและการสนับสนุนด้านการเงิน เช่น การประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และจัดหาทุนสำหรับการค้าระหว่างประเทศ 

นอกจากนี้ ธนาคารยังสร้างพันธมิตรกับธนาคารและองค์กรการเงินในอินเดีย เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถปรับตัวและขยายตลาดในภูมิภาคนี้ได้อย่างมั่นใจ

“ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าชาวอินเดียและชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ทั้งจากสาขาในประเทศไทยและสาขาในต่างประเทศจำนวนมาก และด้วยเศรษฐกิจของอินเดียที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่หลายกลุ่มอุตสาหกรรมเข้าไปลงทุนในอินเดียแล้ว และมองว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยธนาคารยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อขยายสาขาไปยังประเทศอินเดียเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุน ขณะเดียวกันธนาคารก็พร้อมให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจและเข้าไปลงทุนในตลาดอินเดียได้อย่างเหมาะสม” นายชาติศิริกล่าว 

การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอินเดีย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในอนาคตของธนาคารกรุงเทพในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินในระดับภูมิภาค ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าการบริการที่ดียังคงเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จและความยั่งยืนในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง