อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 100 ปี ได้สร้างชื่อเสียงจากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ความร้อนบนหลังคาทำเนียบขาวในปี 2522
ภายหลังการเสียชีวิตของจิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปีพ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2524 ปรากฎออกสื่อมามากมายที่ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความสามารถในการทูตที่ได้รับรางวัลโนเบลของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมของเขาด้วย
ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับการเลือกตั้ง คาร์เตอร์ยึดมั่นในค่านิยมสีเขียวและเป็นผู้ริเริ่มนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมหลายทศวรรษก่อนที่ผู้นำโลกคนอื่น ๆ จะเข้าใจถึงความเร่งด่วนนี้
อดีตประธานาธิบดีซึ่งเสียชีวิตในวัย 100 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์ความร้อนบนหลังคาทำเนียบขาวในปีพ.ศ. 2522 โดยแผงดังกล่าวได้ถูกถอดออกระหว่างการปรับปรุงใหม่ภายใต้รัฐบาลของเรแกนในช่วงกลางทศวรรษ 1980
นอกจากนี้ เขายังบัญญัติมาตรการที่ทะเยอทะยานยิ่งกว่านี้มาก ทั้งจากนโยบายพลังงานสะอาดไปจนถึงกฎหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นี่คือสาเหตุที่จิมมี่ คาร์เตอร์จะถูกจดจำในฐานะประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการมองการณ์ไกลของเขายังคงมีอิทธิพลต่อการอภิปรายเรื่องสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
‘นโยบายพลังงานครบวงจรฉบับแรกของชาติ’
เมื่อนายคาร์เตอร์ขึ้นสู่อำนาจในปี พ.ศ. 2520 ตลาดพลังงานโลกยังคงได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรน้ำมันในสงครามอาหรับ-อิสราเอลเมื่อปี พ.ศ. 2516
พวกเขาได้รับการโจมตีอีกครั้งในปีพ.ศ. 2522 ในช่วงการปฏิวัติอิหร่าน ซึ่งทำให้การผลิตน้ำมันดิบลดลงอย่างกะทันหัน
ความโกลาหลครั้งนี้ทำให้คาร์เตอร์เกิดความคิดที่โจนาธาน อัลเตอร์ นักเขียนชีวประวัติเรียกว่า “นโยบายพลังงานที่ครอบคลุมครั้งแรกของประเทศ”
แผนก้าวหน้านี้มุ่งหวังที่จะให้ พลังงานของอเมริกา 20 เปอร์เซ็นต์มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปีพ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นเป้าหมายอันทะเยอทะยานที่เพิ่งจะบรรลุได้เมื่อไม่นานนี้เอง
วิกฤตการณ์พลังงานยังส่งผลให้คำปราศรัยอันเป็นสัญลักษณ์ของคาร์เตอร์ต่อประเทศชาติในปีพ.ศ. 2520 โดยเขาสวมเสื้อคาร์ดิแกนและเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลดการใช้เครื่องทำความร้อนเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าโดยรวม
อดีตประธานาธิบดียังได้ก่อตั้งกระทรวงพลังงานสหรัฐ ซึ่งทำการวิจัยขั้นสูงเกี่ยวกับเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน ภารกิจหลักของหน่วยงานหนึ่งคือการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ให้ เป็นทรัพยากรที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของอเมริกาได้ในไม่ช้านี้
คาร์เตอร์ปกป้องพื้นที่อันกว้างใหญ่ของอลาสก้า
คาร์เตอร์ยังได้ทิ้งร่องรอยไว้ด้วยมาตรการปกป้องอะแลสกาจากภัยคุกคามของ การพัฒนาอุตสาหกรรม น้ำมันและก๊าซ
เขาได้กำหนดให้พื้นที่ป่าของรัฐจำนวน 56 ล้านเอเคอร์ (141.68 ล้านไร่)เป็นพื้นที่คุ้มครองของรัฐบาลกลาง ซึ่งมากกว่าพื้นที่ที่ดูแลโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหรัฐฯ ที่ดูแลอุทยานแห่งชาติและอนุสรณ์สถานธรรมชาติทั้งหมดของประเทศถึงสองเท่า
พระราชบัญญัติอนุรักษ์ที่ดินเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติอลาสก้าของคาร์เตอร์ (ANILCA) ปีพ.ศ. 2523 ยังได้กำหนดให้สิทธิในการล่าสัตว์และตกปลาสำหรับชาวอลาสก้าในชนบทได้รับการคุ้มครองด้วย
อดีตประธานาธิบดีได้ประกาศให้ตนเองว่ากฎหมายฉบับนี้เป็น “กฎหมายอนุรักษ์ที่โดดเด่นที่สุดฉบับหนึ่งที่บัญญัติขึ้นโดยประเทศอันยิ่งใหญ่ของเราหรือประเทศใดๆ ก็ตาม”
คาร์เตอร์สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์
ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในทำเนียบขาว คาร์เตอร์ยังคงผลักดันการใช้ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานในบางช่วงของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งนักวิจารณ์ด้านสิ่งแวดล้อมบางส่วนได้รีบเน้นย้ำอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาเสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจากเชื้อเพลิงฟอสซิลยังไม่ได้รับการประเมินอย่างครอบคลุมในช่วงทศวรรษปี 1970 และ 1980 และอดีตผู้นำสหรัฐฯ มองว่านี่เป็นหนทางที่จะลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน
นอกจากนี้ คาร์เตอร์ยังเน้นย้ำถึงการขยาย การผลิต พลังงานแสงอาทิตย์ ด้วย เขากล่าวถึงกลยุทธ์พลังงานแสงอาทิตย์ในปีพ.ศ. 2521 ของเขาว่า “เป็นความท้าทายที่สำคัญพอๆ กับการสำรวจพรมแดนแรกๆ ของเราหรือการสร้างสังคมอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
ความมุ่งมั่นอันทะเยอทะยานของเขาได้แก่ การลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ (34,400 ล้านบาท) ในการพัฒนารูปแบบพลังงานหมุนเวียนในปีพ.ศ. 2523 และการเสนอเครดิตภาษีเพื่อเร่งความก้าวหน้าในด้านพลังงานแสงอาทิตย์
ต่อมาในช่วงชีวิตของเขา เขายังคงสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์และกำกับดูแลการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หลายพันแผงในบ้านเกิดของเขาที่เมืองเพลนส์ รัฐจอร์เจีย
ปัจจุบันแผงโซลาร์เซลล์เหล่านี้สามารถผลิตพลังงานได้ 1.3 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับประชากรครึ่งหนึ่งของเมือง
วิสัยทัศน์อันก้าวหน้าของคาร์เตอร์เกี่ยวกับพลังงานนั้นชัดเจนแล้วในระหว่างพิธีเปิดตัวแผงโซลาร์เซลล์ความร้อนบนหลังคาทำเนียบขาว
“สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป เครื่องทำน้ำอุ่นพลังงาน แสงอาทิตย์ นี้ อาจกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เป็นของสะสมในพิพิธภัณฑ์ เป็นตัวอย่างของเส้นทางที่ไม่มีใครเลือก หรืออาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของหนึ่งในการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นที่สุดที่ชาวอเมริกันเคยทำมา” เขากล่าว
