Future Food ไม่ใช่แค่เทรนด์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยแนวโน้มอาหารยั่งยืน นักวิจัยไทยต้องเร่งก้าวสู่เจ้าของนวัตกรรม

Future Food ไม่ใช่แค่เทรนด์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยแนวโน้มอาหารยั่งยืน นักวิจัยไทยต้องเร่งก้าวสู่เจ้าของนวัตกรรม

ในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายทั้งด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม “อาหารแห่งอนาคต” (Future Food) กำลังกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทุกประเทศต้องเร่งพัฒนา ไม่เพียงเพื่อความมั่นคงทางอาหาร แต่เพื่อความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

 

กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีสิทธิบัตรในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงสุดของโลก สอดคล้องกับเทรนด์ “สุขภาพ” และ “ความยั่งยืน” ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยุคใหม่

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า จากข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลกพบว่า กลุ่มอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารเสริมสุขภาพ อาหารเชิงฟังก์ชัน (Functional Food) โปรตีนทางเลือก และอาหารออร์แกนิก ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Compounds) เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาทในประเทศไทยภายในปี 2570

แม้อุตสาหกรรมจะเริ่มเข้าสู่ระยะทรงตัว แต่การแข่งขันยังคงเข้มข้น โดยประเทศที่มีจำนวนสิทธิบัตรสูงที่สุดในโลก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ ส่วนประเทศที่น่าจับตา ได้แก่ อินเดียซึ่งมีอัตราการเติบโตของสิทธิบัตรสูงกว่า 26% ต่อปี และฟิลิปปินส์ที่เริ่มมีบทบาทเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาเซียน

4 เทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคต: สนามใหม่ของนักวิจัยไทย

เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดของสิทธิบัตร “อาหารแห่งอนาคต” พบ 4 กลุ่มเทคโนโลยีที่โดดเด่นและมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดโลก ซึ่งถือเป็นทิศทางสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักวิจัยไทย

  1. โปรตีนจากพืชและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Plant-based Proteins & Bioactive Compounds)
    กลุ่มนี้เคยถึงจุดอิ่มตัวก่อนกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังช่วงโควิด-19 จากกระแสรักสุขภาพ นโยบายสิ่งแวดล้อม และการให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพสัตว์ ปัจจุบันมีสิทธิบัตรใหม่เฉลี่ยปีละ 2,100–2,900 ฉบับ โดยส่วนใหญ่เป็นของสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยมากกว่าภาคเอกชน

  2. โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition)
    เป็นเทคโนโลยีที่เติบโตต่อเนื่อง เพราะร่างกายของแต่ละคนต้องการสารอาหารแตกต่างกัน มีการพัฒนาเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อออกแบบสูตรอาหารเฉพาะบุคคล เช่น ระบบห้องครัวอัจฉริยะที่ปรับสูตรและอุณหภูมิอัตโนมัติ มีสิทธิบัตรเฉลี่ย 800–900 ฉบับต่อปี

  3. เทคโนโลยีการหมัก (Fermentation Technology)
    แม้จะอยู่ในช่วงอิ่มตัวเชิงปริมาณ แต่กลับเติบโตเชิงคุณภาพ เพราะถูกพัฒนาไปสู่กระบวนการสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น การหมักสมุนไพรจีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยา จีนยังคงเป็นผู้นำของโลกด้านสิทธิบัตรหมวดนี้ โดยมีสิทธิบัตรใหม่เฉลี่ย 200–300 ฉบับต่อปี

  4. เทคโนโลยีการพิมพ์อาหาร 3 มิติ (3D Food Printing & Precision Nutrition)
    เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีอาหารเข้ากับดิจิทัล โดยสามารถออกแบบอาหารทีละชั้น เติมสารอาหารเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ เช่น อาหารเสริมเฉพาะนักกีฬา หรืออาหารบดสำหรับผู้สูงอายุ เทคโนโลยีนี้มีผู้ถือสิทธิบัตรราว 200–300 ฉบับต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตสูงจากการร่วมมือระหว่างภาควิจัยและอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก

 

 

ไทยกับโอกาสในสนาม Future Food

กรมทรัพย์สินทางปัญญามองว่า “Future Food” ไม่ใช่เพียงกระแส แต่เป็นสนามแข่งขันระดับโลกที่ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการใช้ “สิทธิบัตร” เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่ม จากนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพาณิชย์ที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอาวุธในการแข่งขัน

ประเทศไทยมีจุดแข็งสำคัญคือภูมิปัญญาและทรัพยากรชีวภาพที่หลากหลาย เช่น พืชสมุนไพรและอาหารพื้นถิ่น ซึ่งสามารถต่อยอดผ่านความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการ เพื่อสร้างนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างเช่น การสกัดสารออกฤทธิ์ใหม่จากกระชายและใบบัวบก หรือการต่อยอดการหมักอาหารท้องถิ่นและสินค้า GI สู่ตลาดสุขภาพระดับโลก

นางอรมนกล่าวว่า “อุตสาหกรรมไทยต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการผลิตวัตถุดิบเพื่อขายปริมาณ มาสู่การคิดวิจัยเพื่อขายสิทธิบัตร” เพราะนั่นคือหนทางที่ทำให้คนไทยเป็นเจ้าของนวัตกรรมที่โลกต้องการ

 

ระบบ Fast Track เร่งให้สิทธิบัตรไทยเกิดจริงเร็วขึ้น

ปัจจุบัน กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้พัฒนาช่องทาง “Fast Track” สำหรับการจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรในกลุ่มอาหารแห่งอนาคต ช่วยลดระยะเวลาการพิจารณาจากเฉลี่ย 38 เดือน เหลือเพียง 12 เดือน และสำหรับอนุสิทธิบัตรจาก 12 เดือนเหลือเพียง 6 เดือน ซึ่งในปี 2568 มีผู้ยื่นคำขอใช้ระบบนี้แล้ว 18 คำขอ และกรมได้อนุมัติสิทธิบัตรจริง 16 ฉบับ ครอบคลุมนวัตกรรมหลากหลาย เช่น ไอศกรีมนมอัลมอนด์เสริมโปรตีนจากจิ้งหรีด สารสกัดต้านอนุมูลอิสระ ข้าวเหนียวกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์คล้ายเนื้อสัตว์ และสูตรจุลินทรีย์โพรไบโอติก

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “Future Food” ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์สุขภาพ แต่คือ “ทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจสีเขียว” ที่เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพราะอนาคตของอาหาร…ไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งที่เรากิน แต่คือเรื่องของโลกที่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม