COP29 ปิดฉากลงท่ามกลางความเสี่ยงบนเส้นด้าย ยักษ์ใหญ่อย่างทรัมป์ไม่ให้ราคา จับตาจีน ผู้นำสภาพอากาศ ด้วยท่าที ‘สมัครใจ’

COP29 ปิดฉากลงท่ามกลางความเสี่ยงบนเส้นด้าย ยักษ์ใหญ่อย่างทรัมป์ไม่ให้ราคา จับตาจีน ผู้นำสภาพอากาศ ด้วยท่าที ‘สมัครใจ’

COP29 สิ้นสุดลงแล้ว โดยประเทศกำลังพัฒนาวิพากษ์ว่าเงินช่วยเหลือด้านสภาพอากาศมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 10.2 ล้านล้านบาท) ต่อปี ซึ่งพวกเขาจะได้รับภายในปี 2035 (พ.ศ. 2578) นั้นเป็น “เงินจำนวนเพียงเล็กน้อย”

แปลและเรียบเรียงโดย: วันทนา อรรถสถาวร

 

เสียงของประเทศร่ำรวยจำนวนมากในการประชุมสภาพอากาศของสหประชาชาติ (COP29) รู้สึกประหลาดใจที่ประเทศกำลังพัฒนาไม่พอใจกับสิ่งที่ดูเผิน ๆ แล้วดูเหมือนเป็นข้อตกลงที่ใหญ่โต แต่ถือเป็นการปรับปรุงจากปัจจุบันที่มีเงินสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสภาพภูมิอากาศประเทศกำลังพัฒนาจากประเทศพัฒนาแล้ว วงเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์ (3.4 ล้านล้านบาท) ต่อปี

อย่างไรก็ตาม ประเทศโลกกำลังพัฒนาพยายามผลักดันให้ได้รับเงินสนับสนุนมากขึ้น ตามมาด้วยปัญหาอีกมากมายจากข้อเรียกร้องดังกล่าว

 

 

ข้อตกลงใหญ่โต แต่ความแตกแยกอันขมขื่นยังคงอยู่

โดยมีการร้องเรียนว่าเงินสนับสนุนดังกล่าวไม่เพียงพอและเป็นเพียงเงินช่วยเหลือแบบผสมผสานกับเงื่อนไขของเงินกู้ ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ก็ไม่พอใจอย่างยิ่งที่คนรวยรอจนถึงนาทีสุดท้ายถึงจะเปิดเผยเงินช่วยเหลือ

จันดนี ไรนา (Chandni Raina) ผู้แทนอินเดียกล่าวกับผู้แทนคนอื่น ๆ หลังจากที่มีข้อตกลงกันได้แล้วว่า ‘เป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก’

“เอกสารนี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ในความเห็นของเรา เอกสารนี้จะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาใหญ่หลวงที่เราทุกคนต้องเผชิญได้”

ในที่สุด กลุ่มประเทศโลกกำลังพัฒนาก็ถูกบังคับให้ยอมรับ โดยประเทศร่ำรวยหลายประเทศชี้ไปที่การมาถึงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเขาเป็นผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโต้แย้งว่าจะไม่ได้ข้อตกลงที่ดีกว่านี้ หากทรัมป์เข้ามา

แต่แพ็คเกจนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการมองการณ์ไกลที่ไม่เพียงพอจากมุมมองของโลกที่ร่ำรวย

มีการโต้เถียงกันว่าหากคุณต้องการรักษาโลกให้ปลอดภัยจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ประเทศที่ร่ำรวยกว่าจะต้องช่วยให้เศรษฐกิจเกิดใหม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากนั่นคือที่ที่การเติบโตของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 75% เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

แผนระดับชาติฉบับใหม่มีกำหนดเผยแพร่ในฤดูใบไม้ผลิหน้า เพื่อสรุปแนวทางที่ประเทศต่าง ๆ จะจำกัดก๊าซที่ทำให้โลกร้อนในอีก 10 ปีข้างหน้า

การจ่ายเงินสดที่มากขึ้นใน COP29 จะต้องส่งผลดีต่อความพยายามเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนและความสับสนทางภูมิรัฐศาสตร์ การรักษาความสามัคคีของประเทศต่าง ๆ ในเรื่องสภาพอากาศจึงควรเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่กลับกลายว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่เกี่ยวกับเงินได้จุดชนวนให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนจนเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยความโกรธและความขมขื่นที่ไม่เคยเห็นมานานหลายปี

 

 

ครอบครัวหนึ่งต้องอพยพหลังจากฝนตกหนักในอินเดีย โดยผู้แทนโต้แย้งว่าข้อตกลงนั้นไม่เพียงพอ (รอยเตอร์)

 

 

COP เองก็อยู่บนเส้นด้าย

การนำ 200 ประเทศไปสู่ข้อตกลงที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการเงินเพื่อสภาพอากาศนั้นเป็นงานที่ยากเสมอมา แต่สำหรับอาเซอร์ไบจานที่เป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีประวัติการมีส่วนร่วมในกระบวนการ COP อย่างแท้จริง เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องเกินความสามารถของพวกเขา

ประธานาธิบดีของประเทศ อิลฮัม อาลีเยฟ ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักด้วยการกล่าวถึงน้ำมันและก๊าซว่าเป็น ‘ของขวัญจากพระเจ้า’การโจมตีอย่างตรงไปตรงมาของเขา โดยกล่าวหาว่า “เป็นสื่อข่าวปลอมของตะวันตก” องค์กรการกุศล และนักการเมือง “เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด

อาเซอร์ไบจานตามหลังอิยิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะรัฐเผด็จการลำดับที่ 3 ติดต่อกันในการเป็นเจ้าภาพการประชุม COP ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิธีการเลือกประเทศเจ้าภาพ

อาเซอร์ไบจาน เช่นเดียวกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีเศรษฐกิจที่สร้างขึ้นจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซ ซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกับกระบวนการที่มุ่งหมายที่จะช่วยให้โลกเปลี่ยนผ่านจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ

ในส่วนตัว ผู้เจรจาระดับสูงหลายคนได้พูดด้วยความหงุดหงิดกับสิ่งที่บางคนมองว่าเป็น COP29 เป็นการประชุมที่แย่ที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อการประชุมดำเนินไปได้ครึ่งทาง ผู้นำระดับสูงด้านสภาพอากาศหลายคนได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำระดับสูงว่า COP29 ปฏิบัติงานได้ไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเรียกร้องให้มีการปฏิรูป

 

 

จับตาจีน ผู้นำสภาพอากาศแทนสหรัฐฯ

เนื่องจากบทบาทของสหรัฐฯ ในการเจรจาเรื่องสภาพอากาศในอนาคตยังไม่แน่นอนเพราะทรัมป์ ความสนใจจึงเปลี่ยนไปที่ใครบ้างที่อาจกลายมาเป็นผู้นำด้านสภาพอากาศตัวจริงในกรณีที่สหรัฐฯ ไม่อยู่ในช่วงสี่ปีข้างหน้า

ผู้สืบทอดโดยธรรมชาติคือประเทศจีน

ประเทศผู้ปล่อยคาร์บอนรายใหญ่ที่สุดในโลกแทบไม่ได้แสดงตัวเลยในการประชุม COP ของปีนี้ โดยแสดงเพียงแค่ให้รายละเอียดเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับจำนวนเงินสนับสนุนด้านสภาพอากาศที่มอบให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น

ประเทศจีนยังคงได้รับการกำหนดให้เป็นประเทศ ‘กำลังพัฒนา’ จากสหประชาชาติ ซึ่งหมายความว่าประเทศจีนไม่มีภาระผูกพันอย่างเป็นทางการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศยากจน

อย่างไรก็ตาม จีนได้ตกลงตามสูตรในข้อตกลงทางการเงินที่จะให้เงินสนับสนุนของจีนได้รับการนับรวมในกองทุนรวมสำหรับประเทศที่เปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศบนพื้นฐานเงื่อนไขด้วยความสมัครใจ

โดยรวมแล้ว ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพมาก

หลี่ โชว จากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย กล่าวว่า จีนมีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินให้กับประเทศทางใต้ของโลก

“สิ่งนี้น่าจะช่วยผลักดันให้ประเทศมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต”

 

 

นาย Zhao Yingmin รองรัฐมนตรีกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนเข้าร่วมการประชุม COP29 (รอยเตอร์)

 

‘การป้องกันสภาพอากาศจากทรัมป์’

แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่การปรากฏตัวของทรัมป์ในการชนะการเลือกตั้งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ยังคงสามารถส่งผลกระทบถึงความรู้สึกได้ทั่วทั้ง COP29

องค์ประกอบร่วมกันอย่างหนึ่งในหมู่ผู้เจรจาที่เมืองบากู อาเซอร์ไบจาน ก็คือความจำเป็นในการทำให้แน่ใจว่ารัฐบาลทรัมป์ชุดที่สองจะไม่มาทำลายการเจรจาเรื่องสภาพอากาศที่รอบคอบมาหลายปีลง

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศร่ำรวยต้องการมุ่งมั่นในการระดมทุนภายในปี 2035 (พ.ศ.2578) พวกเขาเชื่อว่าการกำหนดวันที่ดังกล่าวจะทำให้สหรัฐฯ สามารถมีส่วนสนับสนุนได้อีกครั้งเมื่อทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ในทำนองเดียวกัน การขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มฐานผู้สนับสนุนก็ทำไปโดยคำนึงถึงทรัมป์เป็นปัจจัยด้วย

ดังนั้นการนำจีนเข้ามาร่วมโต๊ะเจรจา แม้จะในฐานะสมัครใจ ก็จะถูกใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนคุ้มค่าที่จะมีส่วนร่วมในฟอรัมระหว่างประเทศ เช่น COP อย่างน้อยก็สร้างแรงกดดันให้กับสหรัฐไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ศาสตราจารย์ไมเคิล เจคอบส์ นักวิจัยอาวุโสประจำกลุ่มวิจัย โอดีไอ โกลบอลล์ (ODI Global) กล่าวว่า ไม่มีใครคิดว่าทรัมป์ในทำเนียบขาวจะสร้างความเสียหายต่อระบอบการปกครองสภาพอากาศพหุภาคีแต่อย่างใด

“แต่ข้อตกลงนี้เป็นเรื่องของความพยายามที่จะจำกัดความเสียหายให้ได้มากที่สุด”

 

 

นักเคลื่อนไหวกล่าวว่าข้อตกลงทางการเงินในนาทีสุดท้ายว่าไม่เพียงพอ

 

 

นักรณรงค์เริ่มมีเสียงมากขึ้น

แนวโน้มที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งในการประชุม COP29 ก็คือ ท่าทีที่ก้าวร้าวมากขึ้นของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ บางครั้งใช้โดยองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและนักรณรงค์จำนวนมาก

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อจอห์น โพเดสตา ผู้แทนด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ ถูกไล่ออกจากพื้นที่ประชุม โดยมีเสียงตะโกนว่า ‘น่าละอาย’ ดังก้องอยู่ในหูของเขา

ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากพึ่งพา NGO เหล่านี้ในการสนับสนุนการจัดการเหตุการณ์ที่ซับซ้อนเช่น COP

ในระหว่างการเจรจา มีผู้รณรงค์จำนวนมากผลักดันอย่างหนักให้ปฏิเสธข้อตกลงเกือบทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

ในทำนองเดียวกัน ในการประชุมเต็มคณะครั้งสุดท้าย เมื่อประเทศต่าง ๆ ทั้งหมดยอมรับข้อความทางการเงิน ก็มีเสียงโห่ร้องอย่างกึกก้องเมื่อผู้พูดจากหลายประเทศออกมาพูดต่อต้านข้อตกลงดังกล่าวภายหลังการปาฐกถา

การเผชิญหน้าและการถกเถียงที่ตึงเครียดจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อทางการทูตหรือไม่?

เราคงต้องรอดู COP ครั้งต่อไป 

 

ที่มา: https://www.bbc.com/news/articles/cp35rrvv2dpo