ไทยยูเนี่ยน ทุ่ม 250 ลบ. อัพเกรดประมงเป็นธรรม ฟื้นนิเวศทางทะเลยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยน ทุ่ม 250 ลบ. อัพเกรดประมงเป็นธรรม ฟื้นนิเวศทางทะเลยั่งยืน


ไทยยูเนี่ยน ปรับแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง ยกระดับการดำเนินงาน 3 ด้าน แรงงาน-จริยธรรม-การตรวจสอบ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก เดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงการพัฒนาเรือประมง และแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง หรือ Vessel Code of Conduct (VCoC) เพื่อสร้างแนวทางที่ชัดเจนกับเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้กับบริษัท พร้อมยกระดับการดำเนินงาน ด้านแรงงาน ด้านจริยธรรม และด้านการตรวจสอบ (Audit) ในภาคประมง

 

 

โครงการการพัฒนาเรือประมง และแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง หรือ Vessel Code of Conduct (VCoC) ของไทยยูเนี่ยนเริ่มต้นขึ้นในปี 2560 เพื่อบริหารจัดการสภาพการทำงานบนเรือประมงที่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ โดยแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงเป็นส่วนขยายจากจรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงานของไทยยูเนี่ยน

ซึ่งคู่ค้าทางธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในปัจจุบัน และคู่ค้ารายใหม่ต้องลงนามในแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงในการทำธุรกิจกับบริษัท เป็นการยืนยันว่าได้มีการดำเนินการตามแนวปฏิบัติ VCoC กับเรือประมงทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมมือกับเครือข่าย CEO-led Consumer Goods Forum (CGF) เพื่อปรับเปลี่ยนโครงการพัฒนาการทำงานและสวัสดิการแรงงานประมง (Fisher Work and Welfare program) และ VCoC ให้มีความสอดคล้องมากที่สุดกับกรอบการดำเนินงาน At-Sea Operations ของโครงการ Sustainable Supply Chain Initiative (SSCI)

ความร่วมมือนี้จะช่วยให้มาตรฐานบนเรือประมงของไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิตและผู้รับซื้อสัตว์น้ำ มีความสอดคล้องกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมค้าปลีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรม

CGF และ ไทยยูเนี่ยน ได้มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระมาช่วยปรับปรุงเนื้อหาและกระบวนการทำงานของโครงการพัฒนาการทำงานและสวัสดิการแรงงานประมง ของไทยยูเนี่ยน จนสอดคล้องกับเกณฑ์การดำเนินงานและการตรวจสอบของ SSCI at-sea operations ได้เกือบทุกด้าน

ทั้งนี้โครงการของไทยยูเนี่ยนไม่ได้เป็นการตรวจสอบเพื่อรับรองจากบุคคลที่สาม (third-party certification) กฎระเบียบที่เกี่ยวกับการรับรองหน่วยตรวจระบบกำกับดูแล จึงอยู่นอกขอบเขตการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ได้รับมอบหมาย

สำหรับรายละเอียดการปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง ครั้งที่ 3 มีดังนี้

     • ปรับเปลี่ยนภาษา พร้อมแก้ไขการตีความ นิยามข้อบังคับและส่วนเพิ่มเติมเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด At-Sea Operations ของ Sustainable Supply Chain Initiative (SSCI)

     • การพัฒนาเพิ่มเติมโครงการพัฒนาการทำงานและสวัสดิการแรงงานประมง (Fisher Work and Welfare) เพื่อรวมกระบวนการและขั้นตอนสำหรับการคัดเลือก การตรวจสอบ และการทบทวนผู้ตรวจสอบด้านสังคม (Social Auditors)

     • วางระบบการติดตามการปรับปรุง และระบบบริหารจัดการการตรวจสอบทั่วไปให้เป็นทางการมากขึ้น

     • จัดทำคู่มือการดำเนินงานสำหรับผู้ตรวจสอบ เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการและการตีความข้อบังคับของแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง

“โครงการนี้ตอกย้ำถึงคุณค่า การร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรม เช่น โครงการ SSCI ภายใต้ CGF แม้ว่า ไทยยูเนี่ยนจะไม่ได้เข้าเกณฑ์โครงการ SSCI ทั้งหมด แต่ไทยยูเนี่ยนได้แสดงให้เห็นว่าสามารถนำเครื่องมือวัดผลของโครงการ SSCI มาปรับใช้กับทิศทางของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานของอุตสาหกรรม และมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง”

จากความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยนกับ CGF ครั้งนี้ มีการปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง ครั้งที่ 3 โดยใช้เกณฑ์ขององค์กร SSCI พบว่า เป็นไปตามเกณฑ์การดำเนินงานในทะเลอย่างสมบูรณ์ ส่วนการตรวจสอบไม่ได้รวมเรื่องการทำประกันให้แก่ชาวประมง เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งทางไทยยูเนี่ยนจะเป็นผู้ดำเนินการ

 

 

อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงตัวใหม่จะช่วยให้การจัดการด้านแรงงาน จริยธรรม และการติดตามบนเรือประมงที่ไทยยูเนี่ยนรับซื้ออาหารทะเลปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามความคาดหวังมากยิ่งขึ้น และยังครอบคลุมถึงหน้าที่ของคู่ค้าในการพัฒนาโครงการพัฒนาเรือประมง (Vessel Improvement Program: VIP) ให้เป็นไปตามข้อกำหนด และจัดการประเด็นต่างๆ ที่ต้องปรับปรุง แนวปฏิบัตินี้จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับคู่ค้า รวมทั้งเป็นการแสดงความรับผิดชอบและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

 

 

โทนี่ ลาซาสซารา ผู้อำนวยการกลุ่มการจัดซื้อวัตถุดิบปลา บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรายังคงเดินหน้าในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก สำหรับเรือประมงของคู่ค้า เรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมงานที่ ปลอดภัย ถูกกฎหมาย และมีคุณค่า

“ ภารกิจนี้ครอบคลุมไปถึงการบังคับใช้จรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเข้มงวด ดังนั้น หากคู่ค้ารายใดที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ จะถูกยุติสัญญา และไม่สามารถคงสถานะการเป็นคู่ค้าให้กับไทยยูเนี่ยนได้”

 SeaChange® หรือกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ของไทยยูเนี่ยนเปิดตัวในปี 2559 และปรับปรุงใหม่ในปี 2566 ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายใหม่ถึงปี 2573 โดยถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยน ซึ่งปลูกฝังเรื่องความยั่งยืนไว้ในทุกแง่มุมของการดำเนินงาน

“เรากำหนดเป้าหมายอันมุ่งมั่น 11 ประการที่เชื่อมโยงถึงกัน พร้อมพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่ยั่งยืน เรามั่นใจว่ากลยุทธ์ SeaChange® 2030 จะช่วยทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง เพื่อร่วมกันทำให้โลกของเรายั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป”

เป้าหมายของกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ประกอบด้วย

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593

การสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ การปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์, การลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลัก 5 แห่งทั้งในและต่างประเทศ

การทำประมงอย่างรับผิดชอบ โดยอาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติทั้งหมดจะต้องผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และไทยยูเนี่ยน ยังคงเดินหน้าสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียมตามแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง