ครบรอบ 33 ปีการจากไปของสืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติ วีรบุรุษผู้เป็นตำนาน เสียสละตัวเองในการต่อสู้ ทุ่มเททั้งชีวิต จนถึงวาระสุดท้าย ในการบอกกล่าวกับทุน และผู้มีอำนาจ รวมถึงคนในสังคม เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าและปกป้องผืนป่าไม้ที่หวงแผนยิ่งกว่าชีวิต
สืบ ผู้ชายที่ทุ่มเท ทำงานอย่างไม่ย่อท้อ ข้าราชการไทยที่ยึดความซื่อสัตย์สุจริต เคยผ่านวัยเด็กด้วยการยิงนก เมื่อเติบโตจึงมีสำนึกถ่ายทอดบทเรียนให้คนได้คิดว่าเราทุกคนล้วนเคยทำผิด คนที่สอบติดคณะวนศาสตร์ แต่ไม่ชอบเรียน ไม่อยากทำงานป่าไม้ แต่สุดท้ายกลับเป็นข้าราชการ ยอมทิ้งทุนเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่จะนำไปสู่อนาคตก้าวขึ้นเป็นอธิบดี ไปทำหน้าที่ปกป้องผืนป่า ตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
สืบ นาคะเสถียร ในปี 2532 เป็นช่วงที่เขาต้องต่อสู้กับปัญหาที่ซุกซ่อนในผืนป่า ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า ล่าสัตว์ กับนายทุน และผู้มีอิทธิพล เขาเคยทำงานช่วยเหลือการอพยพสัตว์ป่าที่ต้องล้มเจ็บและตายจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน จนทำให้เขาต้องต่อสู้คัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน
ในช่วงที่ทำงานห้วยขาแข้งมีประเด็นต้องต่อสู้กับการบุกรุกป่าหลายกรณี เคยพบพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลับถูกตอกกลับว่าให้ทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม ทุ่มเทเขียนรายงานนำเสนอยูเนสโก เพื่อพิจารณาให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก วิธีที่ทำให้ป่าได้รับการส่องสว่างจากองค์กรระดับโลกเข้ามาดูแล
ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง 1 อาทิตย์ ลูกน้องคนหนึ่งต้องได้รับบาดเจ็บถูกยิง แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลก เจ็บแค้นคนก่อเหตุ ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนทำงานอย่างหนัก และต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว จนร่างกายผอมลง คือสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจระบบการทำงานของราชการ
รวมโค้ดคำพูดบอก ตัวตนผู้ชายที่ชื่อ “สืบ นาคะเสถียร”
“เราต้องเป็นตัวของตัวเองหากเราโอนอ่อนไปตามสังคมที่เหลวแหลก เราก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง สังคมจะเลวร้ายอย่างไรหากเราทำตามมันจะผิดศีลธรรมกันไปหมด”
“ทำอะไรก็ให้ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างไปคดโกงเขาเลยมันบาปพ่อก็เดินแนวทางนี้มาตลอดนะ”
“จะไม่มีใครต้องตายในเขตห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม”
“ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น” จดหมายลงวันที่ 31 สิงหาคม 2533