กินเค็มสาเหตุโรคไตเรื้อรัง และอาจต้องเสียไตไป

กินเค็มสาเหตุโรคไตเรื้อรัง และอาจต้องเสียไตไป

การกินเค็มส่งผลเสียต่อไต ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มความเสี่ยงโรคไตเรื้อรังและเร่งให้ไตเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นการรู้เท่าทันโรคไตเสื่อมเรื้อรังและลดเค็มตั้งแต่วันนี้ จึงไม่เพียงช่วยดูแลให้ไตแข็งแรง ยังช่วยให้ไตไม่เสื่อมก่อนวัยจนต้องเสียไตไป

 

 

รู้จักโรคไตเรื้อรัง

ไตเรื้อรังเป็นภาวะที่การทำงานของไตค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ไตจะค่อย ๆ มีขนาดเล็กลง ค่าอัตราการกรองของไตผิดปกติมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป หากไม่รีบรักษาอาจไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายต้องรักษาโดยการทดแทนไตเท่านั้น

กลุ่มเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง
• ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เพราะค่าการกรองไตลดลง
• ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
• ผู้ที่มีคนในครอบครัวป่วยโรคไตเรื้อรัง
• ผู้ที่มีไตข้างเดียวตั้งแต่กำเนิด

สังเกตอาการบอกไตเรื้อรัง
• ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
• ปัสสาวะเป็นฟองและต้องราดน้ำมากกว่า 2 – 3 ครั้ง
• หน้าและหนังตาบวม ขาบวมกดแล้วบุ๋ม จากการคั่งของเกลือและน้ำและมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะมาก
• อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
• ซีด
• คันตามตัว
• เบื่ออาหาร
• ความดันเลือดสูง

ประเภทไตเรื้อรัง

โรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ตามระดับอัตราการกรองของไต (Estimated Glomerular Filtration Rate, eGFR) ซึ่งคือปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตใน 1 นาที (มล./นาที/1.73 ตร.ม.)

  

 

ตรวจวินิจฉัยไตเรื้อรัง

แพทย์จะพิจารณาจากการตรวจเลือดและปัสสาวะเป็นหลัก โดยจะพิจารณาอัตราการกรองของไต (Estimated Glomerular Filtration Rate, eGFR) และการบาดเจ็บของไต เช่น โปรตีนรั่วในปัสสาวะเกิน 3 เดือน ถุงน้ำที่ไต เป็นต้น

รักษาไตเรื้อรัง

หลักการรักษาโรคไตเรื้อรัง คือการประคับประคองและป้องกันการชะลอไตไม่ให้เสื่อมเพิ่มขึ้น โดยไตจะไม่สามารถกลับไปดีกว่าเดิมได้ แต่สามารถดูแลให้ไม่เสื่อมมากกว่าเดิมหรือถดถอยลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้ป่วยเป็นสำคัญ

ลดเค็มชะลอไตเสื่อม

การลดเค็มเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง เพราะเกลือทำให้มีการสะสมของน้ำในร่างกายเยอะขึ้น ส่งผลให้เกิดการคั่งและบวม ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขจัดออก แรงดันในหน่วยไตสูงขึ้นจนพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ดังนั้นการลดเค็มจึงเป็นการช่วยไตไม่ให้ทำงานหนัก เมื่อร่างกายไม่บวม แรงดันในหน่วยไตปกติ ไม่เกิดโปรตีนรั่ว สามารถช่วยชะลอไตเสื่อมได้

เทคนิคลดโซเดียม
• ไม่ควรกินโซเดียมเกิน 2 กรัมต่อวัน
• ระวังอาหารที่ไม่เค็ม แต่มีโซเดียม เช่น อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรส ผงชูรส อาหารหมักดอง ขนมปังที่ใส่ผงฟู ขนมกรุบกรอบ เป็นต้น
• ทำอาหารเองได้ย่อมดีที่สุด เพราะควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารได้ โดยเฉพาะการเลือกเครื่องปรุงที่โซเดียมต่ำและใส่ให้น้อยลง
• เลี่ยงอาหารเสริมที่มีปริมาณโซเดียมสูง ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนรับประทาน

เพราะไตเสื่อมเรื้อรังอาจรุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตการป้องกันความเสื่อมและดูแลไตให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจโดยเฉพาะการลดเค็มช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักและในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงควรตรวจเช็กกับแพทย์เฉพาะทางเป็นประจำทุกปีหากพบความผิดปกติจะได้รีบรักษาโดยเร็วที่สุด.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ผู้ป่วยผ่าตัดเปิดช่องท้องเสี่ยงเป็นแผลติดเชื้อที่แผลและเนื้อเยื่อ 14-25% หากไม่เร่งรักษาอาจถึงชีวิต
https://www.thaiquote.org/content/250556

สะอึกบ่อยและนาน ไม่ใช่แค่รำคาญ แต่อาจเกิดจากโรค
https://www.thaiquote.org/content/250545

ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรแจ้งทันตแพทย์ที่ให้การรักษารับทราบ ก่อนการวางแผนการรักษา และทำหัตถการต่อไป
https://www.thaiquote.org/content/250517