“เมื่อคนหนุ่มสาวมองว่าตัวเองเป็นผู้เปลี่ยนแปลง โลกก็จะดำเนินไปในเส้นทางที่ต่างออกไปมาก—เส้นทางที่มีความหวังอย่างไร้ขีดจำกัด” – – บิล เดรย์ตัน
Bill Drayton ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกชั้นนำของอเมริกาในด้านการบริการที่นำโดยพลเมืองเพื่อมนุษยชาติในระดับโลก Bill Draytonเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการประกอบการเพื่อสังคมโดยได้บัญญัติศัพท์นี้ขึ้นในปี 1972 การเพิ่มขึ้นของการประกอบการเพื่อสังคมสะท้อนให้เห็นถึง ตระหนักมากขึ้นว่าวิธีแก้ปัญหาระดับโลกที่มีแนวโน้มดีที่สุดจำนวนมากไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับการดำเนินการของสถาบันขนาดใหญ่ ความช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือทุนสนับสนุนมูลนิธิ พวกเขามาจากบุคคลในระดับรากหญ้าที่เต็มใจที่จะนำความคิดของผู้ประกอบการมาแบกรับปัญหาสังคมที่ยากที่สุดของเรา ผู้ประกอบการเพื่อสังคมเป็น “ผู้มีวิสัยทัศน์เชิงปฏิบัติ” ซึ่งมีคุณลักษณะหลายอย่างเหมือนกับผู้ประกอบการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่แสวงหาผลกระทบทางสังคม ไม่ใช่ผลกำไรทางธุรกิจ
ปัจจุบัน เดรย์ตันเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของAshoka: Innovators for the Publicซึ่งเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่เขาสร้างขึ้นในปี 1980 เพื่อช่วยสนับสนุน เชื่อมโยง และสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมและแนวคิดของพวกเขา ผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่มีนวัตกรรมและประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคของเราหลายคนได้รับทุน มิตรภาพ เพื่อน และการสนับสนุนอื่นๆ ผ่านอโชก้า ปัจจุบัน Ashoka ดำเนินงานในกว่า 90 ประเทศและสนับสนุนงานของ Fellows กว่า 3,600 คน – ช่วยเหลือผู้ประกอบการทางสังคมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเป็นต้นไปในฐานะเครือข่ายผู้ประกอบการทางสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มา Ashoka: Innovators for the Public
Ashoka (ชื่อเดิมคือAshoka: Innovators for the Public ) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ในอเมริกา ที่ส่งเสริมผู้ประกอบการทางสังคมโดยเชื่อมโยงและสนับสนุนผู้ประกอบการทางสังคมรายบุคคล ภารกิจที่ระบุไว้คือ “การสร้างสมาคมของผู้ประกอบการทางสังคมชั้นนำของโลก ทั้งชายและหญิงที่มีแนวทางแก้ไขที่เปลี่ยนแปลงระบบสำหรับปัญหาสังคมที่เร่งด่วนที่สุดของโลก และส่งเสริมวัฒนธรรมทั่วโลกของการที่ทุกคนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ของทุกคน”
Bill Drayton ได้รับแรง บันดาลใจจากมหาตมะ คานธีและขบวนการสิทธิพลเมือง เดรย์ตันต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ผ่านผู้ประกอบการทางสังคม เดรย์ตันก่อตั้ง Ashoka ในปี 1980
องค์กรนี้ได้รับการตั้งชื่อตามจักรพรรดิอโศกมหาราชผู้ปกครองอาณาจักรเมารยะในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช จักรพรรดิอโศกทรงตระหนักถึงความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจากการรวมอาณาจักรของพระองค์เป็นหนึ่งและพระองค์ทรงส่งเสริมความอดทนทางศาสนาและปรัชญาและความสำคัญสูงสุดของศีลธรรมเมื่อทำงานเพื่อสาธารณะ
ด้วยการให้ทุนสนับสนุนและสนับสนุนการทำงานของผู้ประกอบการเพื่อสังคมทั่วโลก Drayton ได้ส่งผลกระทบต่อประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่การละเมิดสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงความยากจน วิสัยทัศน์ของเดรย์ตันในการประกอบการเพื่อสังคมได้รับการยอมรับในระดับโลกเมื่อเพื่อนชาวอโศก โมฮัมเหม็ด ยูนุส ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2549 จากการเปิดตัวสินเชื่อรายย่อยผ่านธนาคารกรามีนในฐานะเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กที่เริ่มต้นโดยคนจนทั่วโลก
เมล็ดพันธุ์ของการประกอบการเพื่อสังคมเกิดขึ้นจากการเดินทางไปอินเดียของ Drayton ในปี 1963 เมื่อตอนที่เป็นนักศึกษาอายุ 20 ปีในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนจาก Harvard เขาขับรถ (พร้อมกับนักเรียนอีก 3 คน) รถตู้โฟล์คสวาเกนสีขาวแดงจากมิวนิกไปยัง อินเดียเพื่อพบกับ Vinoba Bhave ซึ่งได้รับการพิจารณาอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้สืบทอดทาง จิตวิญญาณของคานธีและเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการของขวัญแห่งแผ่นดิน วิโนบาเดินทางไปทั่วอินเดียเพื่อขอ รับ และแจกจ่ายที่ดินที่ชาวนามอบให้กับคนวรรณะต่ำ ประสิทธิภาพของการเดินทางของ Bhave นั้นน่าประหลาดใจ – ประสบความสำเร็จในการมอบหมายและแจกจ่ายที่ดิน 7 ล้านเอเคอร์ในอินเดียให้กับเจ้าของที่ดินที่ต้องการ และสร้างหนึ่งในการโอนที่ดินโดยสมัครใจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
เดรย์ตันได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เขามองว่าเป็นการแสดงถึงการเป็นผู้ประกอบการทางสังคม สิ่งที่เขามองว่าเป็นความรู้สึกทางธุรกิจที่เฉียบคม บวกกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น เขาสนับสนุนการตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นของแรงจูงใจที่หยั่งรากจากส่วนลึกภายใน เพื่อรับใช้ส่วนรวม ผลรวม ผ่านการแก้ปัญหาที่เท่าเทียมและยั่งยืน เขาพูดต่อต้านการปลูกฝังที่นำไปสู่การซ้ำซากของปัญหาคงที่ที่รบกวนโลกของเรา เดรย์ตันเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงของผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงคือการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เป็นผู้ให้ และ “เราทุกคนรู้ว่าการเป็นผู้ให้หมายถึงชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น และชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น”
การบริการสาธารณะและค่านิยมที่แข็งแกร่งดำเนินไปในประวัติศาสตร์จากครอบครัวของพ่อแม่ทั้งสองของเดรย์ตัน รวมถึงผู้ต่อต้านการเลิกทาสในยุคแรก ๆ และผู้นำสตรีในสหรัฐอเมริกาที่เกิดในนิวยอร์กซิตี้ เดรย์ตันเข้าเรียนมัธยมปลายที่ Phillips Academy ซึ่งเขาได้ก่อตั้ง Asia Society ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นโรงเรียนของโรงเรียน องค์กรนักศึกษาที่ได้รับความนิยมสูงสุด เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งเขาได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตในปี พ.ศ. 2508 ที่ซึ่งเขาได้สร้างโต๊ะอโศก โดยนำผู้นำรัฐบาล สหภาพ และคริสตจักรที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนักเรียนสามารถถามว่า Drayton เข้าเรียนที่ Balliol College, Oxford และได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตในปี 1967 จากนั้นเขาสำเร็จการศึกษาจาก Yale Law School ซึ่งเขาได้ก่อตั้ง Yale Legislative Services ซึ่งในจุดสูงสุดนั้นเกี่ยวข้องกับนักเรียนหนึ่งในสามของโรงเรียนกฎหมาย
หลังจากทำงานที่ McKinsey & Company ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการจัดการมาเกือบสิบปี เขาสอนที่โรงเรียนกฎหมายสแตนฟอร์ดและโรงเรียนรัฐบาลเคนเนดีในฮาร์วาร์ด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2524 ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เขาได้เปิดการซื้อขายการปล่อยมลพิษ (พื้นฐานของเกียวโต) ท่ามกลางการปฏิรูปอื่นๆ เขาเปิดตัว Ashoka ในปี 1981 โดยใช้ค่าตอบแทนที่ได้รับเมื่อเลือก MacArthur Fellow ในปี 1984 เพื่ออุทิศตนอย่างเต็มที่เพื่อ Ashoka Bill เป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ashoka เขายังเป็นประธานของอีกสามองค์กร Youth Venture, Community Greens และทำให้อเมริกาทำงาน!
บิลได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมายตลอดอาชีพการงานของเขา ในปี 2548 เขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้นำที่ดีที่สุดของอเมริกาโดยUS News & World Reportและ Harvard’s Center for Public Leadership รางวัลอื่น ๆ ได้แก่ รางวัลศิษย์เก่าสูงสุดของ Yale Law School, รางวัลความสำเร็จด้านการอนุรักษ์แห่งชาติของสหพันธ์สัตว์ป่าแห่งชาติ; และรางวัลบริการสาธารณะแห่งชาติของสถาบันรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ เขาเป็นสมาชิกของ American Academy of Arts and Sciences ในปี 2008 เดรย์ตันได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “50 ผู้มีวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงโลก” ของนิตยสาร Utne Reader
การขับเคลื่อนเดรย์ตันคือความปรารถนาที่จะช่วยให้ประชาชนทั่วไปและบุคคลทั่วไปตระหนักถึงศักยภาพของตนในฐานะผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง เมื่อสังเกตว่าระบบลำดับชั้นแบบเก่ากำลังจะตาย Drayton จึงต้องการให้เราปรับตัวและ “ก้าวเข้าสู่ความเป็นจริงใหม่ของโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ซึ่งทุกคนต้องเป็นนักสร้างการเปลี่ยนแปลงจึงจะสามารถมีส่วนร่วมได้ นี่คือความเป็นจริงพื้นฐาน”
