การส่งออกไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2566 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ -4.7% (YoY) ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกระทบการส่งออกไทยไปยังตลาดสำคัญให้ยังคงหดตัวเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ หดตัวที่ -9.5% (YoY)
การส่งออกไทยในช่วงต้นปี 2566 ยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2566 การส่งออกไทยหดตัวที่ -4.7 (YoY) เป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 5 โดยได้รับแรงกดดันหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของประเทศดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยังอยู่ระดับต่ำกว่า 50 และส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดสำคัญเกือบทั้งหมดยกเว้นยูโรโซนหดตัวโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังตลาดจีนมีทิศทางดีขึ้นโดยติดลบน้อยลงหลังได้รับแรงหนุนจากการยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดไปในช่วงต้นปี 2566
สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญของไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยังคงเผชิญกับการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ -9.5% (YoY) ตามการส่งออกสินค้าในหมวดหมู่อุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนราว 90% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดจากไทยไปสหรัฐฯ โดยมีสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้ การส่งออกไทยไปยังตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะจากความไม่แน่นอนจากปัญหาภาคธนาคารของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นล่าสุด ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์ฯ ยังมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่องและอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ส่งออกไทย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อาจได้รับผลกระทบให้ชะลอตัวมากกว่าเดิม
นอกจากนี้และมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในบางไตรมาสของปีนี้จากปัญหาภาคธนาคารดังกล่าว ประกอบกับคงจะเห็นผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่จากการประชุม FOMC รอบล่าสุด เฟดยังไม่ส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมีมุมมองว่า ปี 2566 การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ จะเผชิญกับการหดตัวมากขึ้นที่ -2.2% (จากที่คาดการณ์เดิมเมื่อเดือนมกราคม 2566 ว่าหดตัวที่ -1.3%) ทั้งนี้ สินค้าในหมวดหมู่อิเล็กทรอนิกส์คาดว่าอาจได้รับผลกระทบ ยกเว้นในบางรายการอย่างไดโอด และสินค้าในหมวดหมู่อาหาร ที่ยังพอเป็นความหวังของการส่งออกไทยไปยังตลาดดังกล่าวได้
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมการส่งไทยในปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองว่า การส่งออกไทยจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนที่เผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้นจากปัญหาภาคธนาคาร ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาคการค้าของไทย นอกจากนี้ การส่งออกไทยยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยฐานในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่อานิสงส์จากความต้องการสินค้าของจีนมีลักษณะที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นหลังยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมีมุมมองว่าการส่งออกไทยในปี 2566 คงติดลบเพิ่มขึ้นที่ -1.2% (จากที่คาดการณ์เดิมเมื่อเดือนมกราคม 2566 ว่าหดตัวที่ -0.5%)