ไอเป็นเลือด (Haemoptysis) คือ อวัยวะทางเดินหายใจโดยเฉพาะปอดมีความผิดปกติ โลหิตไหลปนเสมหะ หรือสด ๆ ออกมาตามกลไกการขจัดสารคัดหลั่ง ปริมาณครึ่งฝ่ามือ อาจเป็นสีแดง ชมพู คล้ำคล้ายกากกาแฟ เรียกได้ว่าสัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหา
เพราะมีหลายจุดในร่างกายที่สามารถเป็นสาเหตุโรค เช่น เส้นเลือด คอ โพรงจมูก หากมีอาการรุนแรงมากเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินได้ สร้างความเสียหายถึงแก่ชีวิต
ไอเป็นเลือดเกิดจากอะไร
• หลอดลมพอง
• ระคายเคืองจากควันบุหรี่ มลพิษทางอากาศ
• ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
• ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
• เนื้อเยื่ออักเสบ
• สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูกส่งผลกระทบที่ปอด
• หลอดเลือดฝอยในทางเดินหายใจแตก
• พ่นยาผิดวิธี
• ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
• ใช้สารเสพติด
• การเกิดอุบัติเหตุรุนแรงที่บริเวณหน้าอก
ไอเป็นเลือดเป็นโรคอะไร
• หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
• วัณโรค
• หัวใจล้มเหลว
• ความผิดปกติของปอด เช่น ปอดบวม มะเร็ง ฝี เลือดอุดกั้น
• ซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis)
• หอบหืด
การวินิจฉัยไอเป็นเลือด
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติผู้ป่วย ถึงอาการ ลักษณะของเลือดที่ออกมา รวมทั้งสอบถามถึงคนในครอบครัวว่ามีใครป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับลิ่มเลือดหรือไม่ หลังจากนั้นจะทำการตรวจเพิ่มเติม
• เอกซเรย์ทรวงอก หรือใช้ CT Scan
• ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง
• เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อ
• ส่องกล้องหลอดลม
• ตัดชิ้นเนื้อปอดส่งตรวจไปยังห้องปฏิบัติการ
วิธีแก้ไขเมื่อไอเป็นเลือด
สำหรับผู้ที่ไม่มีความผิดปกติของปอด อาการไม่รุนแรงมาก แพทย์จะให้ยาที่เป็นสาเหตุของโรค เช่น ยาแก้ไอ ยาปฏิชีวนะ โรคปอดบวมและวัณโรค
• ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
• ยายับยั้งการสลายลิ่มเลือด
• ใช้น้ำเกลือเย็นจัดในหลอดลม
• ทำให้เลือดแข็งตัวโดยการใช้สาร ทรอมบิน (Thrombin)
• ทำบอลลูน และเลเซอร์ (Laser Photocoagulation)
• ผ่าตัดปอด
• รังสีบำบัด
สมุนไพรรักษาไอเป็นเลือด
• มะเขือพวง ทั้งผล ใบ และต้น สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำได้ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลำไส้ ต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันความเสื่อมของร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาล
• ใบไทม์ เป็นเครื่องเทศจากซีกโลกตะวันตก บรรเทาอาการโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน แต่สำหรับสตรีที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ป่วยเป็นมะเร็ง หรือมีเนื้องอกที่เต้านม รัง เยื่อบุโพรงมดลูก ควรหลีกเลี่ยง รวมทั้งผู้ที่แพ้ออริกาโนด้วยเช่นกัน
การป้องกันไอเป็นเลือด
• หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง หรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น ควัน ฝุ่น อากาศหนาวเย็น
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• ออกกำลังเป็นประจำ
• เลิกสูบบุหรี่
ไม่ควรปล่อยปละละเลยไอเป็นเลือดไว้ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ก็ไม่ควรวิตกกังวลจนถึงขั้นมีปัญหาทางจิตใจ ทั้งนี้ผู้ที่มีอาการต่าง ๆ เช่น เจ็บหน้าอก น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ ไข้ขึ้นสูง หายใจลำบาก ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ และทำการรักษาให้ถูกวิธี.
ที่มา: โรงพยาบาลเพชรเวช
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
กลั้นปัสสาวะ พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ
https://www.thaiquote.org/content/249613
เตือน แขน ขา เคลื่อนไหวผิดปกติ ไม่เป็นจังหวะ ควรรีบพบแพทย์
https://www.thaiquote.org/content/249606
กรมการแพทย์ แนะรู้ทัน! โรคสมองส่วนหน้าเสื่อม (Frontotemporal dementia)
https://www.thaiquote.org/content/249593
