บี.กริม จับมือ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เดินหน้าโครงการ “บี.กริม บวร” จัดกิจกรรมนำร่อง “จัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน” ที่ จ.สระแก้ว

บี.กริม จับมือ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เดินหน้าโครงการ “บี.กริม บวร” จัดกิจกรรมนำร่อง “จัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน” ที่ จ.สระแก้ว


บี.กริม จับมือ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เดินหน้าโครงการ “บี.กริม บวร” จัดกิจกรรมนำร่อง “จัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน” ที่ จ.สระแก้ว มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

 

 

บี.กริม จับมือ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เดินหน้าผลักดันโครงการ “บี.กริม บวร” (บวร = บ้าน วัด โรงเรียน) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองทับจันทร์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ได้คลี่คลายลง โดยใช้ “โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา” (Partnership School Project) ของมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ในการขับเคลื่อนผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน โดยมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อยกระดับการศึกษาและคุณภาพชีวิตของนักเรียนและสมาชิกในชุมชน

สำหรับแนวทางของโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา คือ การใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชน จัดทำเป็นแผนระยะยาว โดยมีกิจกรรมหลัก 9 ประการ ได้แก่ 1. การมีส่วนร่วมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน 2. การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาครู นักเรียน และสมาชิกในชุมชน 3. การจัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน 4. การจัดตั้งกองทุนเงินออมและเงินกู้สำหรับการประกอบอาชีพ 5. การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน 6. การสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและรายได้สาหรับผู้สูงอายุ 7. การสนับสนุนด้านสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม และปลูกต้นไม้ 8. การบริหารจัดการและติดตามให้คำแนะนำ และ 9. การประเมินผลโครงการ

โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาและ บี.กริม ได้จัดกิจกรรมนำร่อง “การจัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน” บนพื้นที่ของโรงเรียน บี.กริม โดยมีครู นักเรียน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าอาวาสวัดบี.กริมและชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมตัวแทนจาก บี.กริม มูลนิธิฯ และสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ร่วมให้การสนับสนุนในการเป็นวิทยากรพี่เลี้ยงให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม

กิจกรรมหลักเป็นการจัดเตรียมและปรับปรุงสถานที่สำหรับทำแปลงเกษตร การผสมดินและเตรียมล้อยางสำหรับปลูกผักพื้นบ้าน เช่น กระเพรา แมงลัก ตะไคร้ กระชาย กระเจียว กุ้ยช่าย รวมถึงการตั้งฟาร์มเมล่อนและฟาร์มองุ่น เริ่มตั้งแต่วางแปลง การลงต้นกล้า การสอนการวัดค่าปุ๋ยเมล่อนกับองุ่น และให้มีการรายงานสภาพดินฟ้าอากาศทุกเช้า นอกจากนี้ ยังมีการวางระบบน้ำโซล่าเซลล์ในโรงเรือน การอบรมเรื่องเครื่องสีข้าวและการซีลผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น ข้าวสาร ผัก ผลไม้ ตลอดจนอบรมการบริหารจัดการแปลงผัก อาทิ ‌ผักไฮโดรโปนิกส์ (น้ำนิ่ง) อบรมการทำน้ำยาป้องกันโรคและแมลงจากวัตถุดิบพื้นบ้าน ประกอบด้วย กระเทียม เหล้าขาวและยาสูบ และด่างทับทิม ‌ รวมถึงการสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอนต่างๆ

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมต่างมุ่งหวังว่า ทั้งฟาร์ม เมล่อนและฟาร์มองุ่น จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนช่วยสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียนและชุมชนมากยิ่งขึ้น พร้อมต่อยอดให้โรงเรียน บี.กริม กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรด้านฟาร์มเมล่อนและฟาร์มองุ่นแห่งแรกของจังหวัดสระแก้ว ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นแบบอย่างให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่สนใจในอนาคต

นอกเหนือจากกิจกรรมจัดตั้งฟาร์มเมล่อน ฟาร์มองุ่น และแปลงเกษตรต่างๆ แล้ว บี.กริม และโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ยังจัดให้มีการอบรมเรื่องการจัดตั้งกองทุนเงินออมและเงินกู้สำหรับการประกอบอาชีพ อาทิ กองทุนประกอบอาชีพสำหรับผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้กับคนในชุมชนนำไปลงทุนประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และส่งเสริมการออม และกองทุนธุรกิจนักเรียน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับนักเรียนและส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน เป็นต้น

 

 

สำหรับโครงการ บี.กริม บวร (B.Grimm Smart Village) เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 ที่หมู่บ้าน บี.กริม ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 8 ต.คลองทับจันทร์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนให้เติบโต เข้มแข็ง มีคุณภาพและศักยภาพ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “บวร (บ้าน วัด โรงเรียน)” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้กับบริบทของชุมชน หมู่บ้าน บี.กริม มีความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีเนื้อที่ประมาณ 4,200 ไร่ ชาวบ้านที่อาศัยในชุมชนมี 90 ครัวเรือน ประมาณ 400 คน ที่สำคัญ คือ มีคอนเซ็ปต์ของ “บวร” คือ บ้าน วัด โรงเรียน ที่อยู่ร่วมกันอย่างชัดเจน

โครงการ “บี.กริม บวร” เป็นหนึ่งในโครงการหลักเพื่อสังคมของบี.กริม ที่สะท้อนหลักปรัชญา “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” ของ บี.กริม ซึ่งก่อตั้งมา 144 ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เติบโตอยู่เคียงคู่สังคมไทยมาอย่างมั่นคงและยาวนาน โดยมุ่งมั่นพัฒนาชุมชน สังคม และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนในสังคม ปัจจุบัน หมู่บ้านบี.กริม ถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง ด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน วัด และโรงเรียน แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่สามารถพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นได้ โดยอาศัยพลังความสามัคคี และการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน ซึ่งบี.กริม พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาหมู่บ้านบี.กริม ให้ประสบความสำเร็จ ทำให้ทุกคนมีความสุข มีความสมดุลในชีวิต มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

โรงเรียนบี.กริม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 เริ่มแรกเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จนเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย เสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนและโรงเรียนตชด. ในพื้นที่บริเวณคลองทับจันทร์ โดยมี มร. เฮอร์เบิร์ต ลิงค์ ผู้บริหารบี.กริมรุ่นที่ 2 และภรรยา คุณหญิง อัลม่า ลิงค์ ร่วมตามเสด็จมาด้วย ทั้ง มร. เฮอร์เบิร์ต และคุณหญิงอัลม่า มีจิตกุศลได้บริจาคเงินถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อสร้างอาคารเรียนหลังแรกให้กับโรงเรียนตชด. คลองทับจันทร์ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ สมเด็จย่าได้เสด็จมาเปิดอาคารเรียนแห่งนี้ พร้อมพระราชทานชื่อเป็น “โรงเรียนบี.กริม” ต่อมาหมู่บ้านและวัดของชาวบ้าน ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “หมู่บ้านบี.กริม” และ “วัดบี.กริม” ตามลำดับ เพราะเป็นชื่อเดียวกับโรงเรียนที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จย่าเมื่อปี 2514.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ:

“บิ๊กตู่” พร้อมเข้าเป็นสมาชิกพลังประชารัฐ ร่วมการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วน “บิ๊กป้อม” ยันฐานเสียงยังแน่น ไม่กลัวตัดสิทธินายกฯ 8 ปี
https://www.thaiquote.org/content/247732

“เปลือกทุเรียน” พัฒนาเพิ่มมูลค่าได้หลากหลาย เป็นบรรจุภัณฑ์ กระดาษ แผ่นเทคโนโลยี และอาหารแปรรูป
https://www.thaiquote.org/content/247729

เกษตรกรญี่ปุ่น นำมะเขือ ตะไคร้ โหระพาไปปลูกในดินญี่ปุ่น และจัดขายในประเทศ
https://www.thaiquote.org/content/247720