จากกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ “บุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งทำให้วัยรุ่น และผู้ที่สูบบุหรี่ซองอยู่เดิม หันมาสูบบุหรี่ชนิดนี้เพิ่มขึ้น โดยหวังว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะช่วยทำให้ลดการเสพติดบุหรี่ซองลดลง และมีความปลอดภัยมากขึ้น
จากกรณีดังกล่าว พญ.เริงฤดี ปราณวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้ให้ข้อมูลว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายกว่าที่คิด โดยเฉพาะวัยรุ่นไทย ซึ่งเข้าใจผิดว่าปลอดภัย แต่ความเป็นจริงบุหรี่ไฟฟ้า เป็นบุหรี่ชนิดใหม่ที่ผู้สูบจะได้รับ สารนิโคตินเหลวระเหยด้วยความร้อนจากไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย จึงเป็นการนำสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ซอง
โดยพบว่า บุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่ง มีสารนิโคตินเท่ากับบุหรี่ซอง 20 มวน ซึ่งนิโคตินมีผลทำให้หงุดหงิดง่าย ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง จึงเป็นสารพิษทำลายสมอง และอันตรายในวัยรุ่น
นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้การทำงานของเซลล์หลอดเลือดแดงแย่ลงถึง 34-58 % เสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดแดงแข็งตัวและเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจไม่น้อยไปกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา โดยพบว่าก่อให้เกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
รวมทั้งยังทำลายระบบการทำงานของปอดและการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจและระบบต่อสู้เชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ ขณะที่มีหลักฐานใหม่ ระบุว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของเซลล์เนื้อเยื่อที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งได้
ทั้งนี้จากรายงานองค์การอนามัยโลก (WHO) ปี 64 ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าปล่อยสารนิโคตินอนุภาคขนาดเล็กและสารก่อมะเร็งในอากาศในปริมาณที่สูงกว่าที่ WHO แนะนำ
ดร.สแตนตัน แกลนซ์ (Stanton Glanz, PhD) ผอ.ศูนย์วิจัยและศึกษาด้านการควบคุมยาสูบ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวในการประชุมบุหรี่หรือสุขภาพเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 13 (13th Asia Pacific Conference on Tobacco or Health: APACT 2021 Bangkok) ว่า ปัจจุบันพบ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใหม่ ที่ชื่อว่า JULL ซึ่งออกแบบให้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป้าหมายเพื่อเจาะตลาดนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น
JULL ว่า เป็นบุหรี่ไฟฟ้าประเภท Liquid E Cigarette หรือ e-cigs เป็นการนำ “นิโคติน” เข้าสู่ร่างกายผ่านการทำให้เป็นไอแทนการเผาไหม้ โดยใช้เกลือนิโคติน ต่างจากบุหรี่ไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้ Freebase Nicotine หรือนิโคตินบริสุทธิ์ ทำให้มีค่าความเป็นกรดน้อย ผู้สูบสามารถหายใจได้ง่ายขึ้น ไม่แสบคอ นั่นหมายความว่า ผู้เสพมีโอกาสที่จะได้รับสารนิโคตินที่เข้มข้นมาก
สำหรับการสูบบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภทมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคหอบหืด รวมทั้งโรคปอด และโรคมะเร็ง
ที่สำคัญบุหรี่ไฟฟ้าอาจมีอันตรายมากกว่าบุหรี่แบบดั้งเดิม เพราะมีอนุภาคขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือด สมอง และเซลล์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ด้วยอนุภาคที่ละเอียดมาก อาจเป็นการยากที่จะกำจัดอนุภาคเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นผลกระทบต่อคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ ที่เรียกว่า ควันบุหรี่มือสอง ด้วย
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
Samsung วิจัย การคัดลอกและวาง “สมองมนุษย์” ผ่านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เปิดทาง “ความเป็นอมตะ”