เช็กโปรไฟล์-ผลงาน 3 แคนดิเดตที่จะถูกคาดหมายว่าจะนั่งคุม “กระทรวงคลัง” ในตำแหน่งรัฐมนตรี กับโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลต้องพาฐานรากให้เข้มแข็ง จะเป็นใครระหว่าง “ชาติชาย อดีตบิ๊กออมสิน-สมชัย อดีตคนคลัง และกานต์ มือบริหารเอสซีจี”
ภายหลังจากที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) คนใหม่ แทนที่ นายปรีดี ดาวฉาย ซึ่งลาออกไปเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
พลันปรากฎรายชื่อ 3 แคนดิเดต ที่จะเป็นตัวเลือกให้นายกรัฐมนตรี คือ 1. ชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 2.สมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และ 3. กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการและประธานที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี
หากไล่เรียงจากรายชื่อทั้ง 3 คนนี้ แน่นอนว่าแต่ละคนต่างมีประสบการณ์ด้านการทำงาน และบริหารองค์กรใหญ่จนประสบความสำเร็จด้วยกันหมดทุกคน แต่ใครจะมาเป็นตัวเลือกสุดท้ายเพื่อดำรงตำแหน่งขุนคลัง เพราะทั้ง 3 คน นาทีนี้ชื่อกำลังมาแรง ThaiQuoteขอพาไปทำความรู้จักกับ 3 แคนดิเดตที่ถูกคาดหมายว่า “คนใดคนหนึ่ง” จะมาบริหารการคลังของประเทศ
เริ่มจาก “ชาติชาย พยุหนาวีชัย” อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ซึ่งหมดวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน2563 ที่ผ่านมา ผ่านประสบการณ์การคุมสถาบันการเงินใหญ่ระดับประเทศ อย่างรองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 2 วาระด้วยกัน และผลงานในการบริหารแบงก์รัฐก็เป็นที่ประจักษ์
ด้วยที่ผ่านมาการทำงานของ “ชาติชาย” เปลี่ยนภาพลักษณ์ของธนาคารออมสิน ให้กลายเป็นแบงค์รัฐเพื่อประชาชน คนฐานรากเข้าถึงได้ง่าย และกลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีทางธนาคารที่สามารถเทียบเคียงกับแบงค์พาณิชย์ทั่วไป เรียกได้ว่า 5 ปี ที่ผ่านมาในยุคของ “ชาติชาย” ธนาคารออมสิน ก้าวกระโดดในทุกมิติ ขยับตัวเองขึ้นมาเป็นสถาบันการเงินชั้นนำอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว
ผลงานที่อาจเข้าตานายกฯ น่าจะอยู่ที่การบริหารจัดการโครงการของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจฐานรากได้ตามสั่ง ซึ่งมันยังผลให้เกิดการหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี และจุดแข็งจากการบริหารของชาติชาย ทำให้ธนาคารออมสินเป็นสถาบันทางการเงินของรัฐที่เข้าถึงประชาชนในระดับฐานรากได้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย
5 ปี ในการดำรงตำแหน่ง ผอ.ธนาคารออมสิน ของ“ชาติชาย” ได้ทำงานใกล้ชิดกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คลัง อย่าง “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” รวมถึง “อุตตม สาวนายน” ทำให้เรียนรู้งานที่ต้องเดินตามแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก รวมถึงเศรษฐกิจมหภาค ซึ่ง “สมคิด” ได้วางโครงสร้างเอาไว้ ให้สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องในทันที จึงไม่แปลกหากเขาจะบอกว่า พร้อมเหมือนกัน กับตำแหน่งนี้ แม้จะยังไม่มีการถูกทาบทามอย่างเป็นทางการก็ตาม
ต่อมาที่แคนดิเดตเบอร์สอง “สมชัย สัจจพงษ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง มีความได้เปรียบด้านการบริหารงานกระทรวงการคลัง เพราะความเป็นลูกหม้อเก่า ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงตามสูตรสำเร็จของกระทรวงการคลัง ผ่านงานทั้งการเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และอธิบดีกรมภาษี อย่างกรมศุลกากร มีผลงานเด่นชัดในเรื่องการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ของกระทรวง ทั้งเรื่องการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) และกฎหมายศุลกากร รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นั่งในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ครม.ได้มีมติ ให้ต้องโยกย้ายไปนั่ง เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ ทำให้ “สมชัย” ได้ไขก็อกลาออกไปในที่สุด
กระนั้นก็ตาม เครดิตของสมชัย ย่อมมีตรงที่มากประสบการณ์ในแวดวงราชการ กับการทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาลในห้วงเวลาที่ผ่านมา แต่พอยต์สำคัญที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการมากที่สุดในช่วงเวลานี้ คือการทำงานเชิงรุกทีรวดเร็วในยุคโควิด-19 เรื่องนี้ก็คงต้องพิสูจน์
สุดท้ายแคนดิเดตตำแหน่ง รมว.คลัง “กานต์ ตระกูลฮุน” กรรมการและประธานที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี มือบริหารคนนี้ถือเป็นลูกหม้อของเอสซีจี ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นนายช่าง จนสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นซีอีโอเอสซีจีได้ และสามารถพาองค์กรเข้าสู่การรีแบรนด์ดิ้ง จากปูนซีเมนต์ไทย จนเป็นเอสซีจี พร้อมกับปรับลุคให้ เอสซีจีเป็นองค์กรนวัตกรรมชั้นนำระดับประเทศ และกลายเป็นองค์ธุรกิจในระดับแนวหน้าของอาเซียนในปัจจุบัน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องของประสบการณ์ในการบริหารองค์กรใหญ่ ซึ่ง “กานต์” มีความสามารถเรียกว่าเต็มร้อย
ขณะที่ปัจจุบัน “กานต์” ยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนในอดีตสมัยรัฐบาลคสช.นั้น เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานโครงการสานพลังประชารัฐ
จุดเด่นของกานต์ แน่นอนว่าจากประสบการณ์ทำงานกับเอกชนมาตลอดด้วยที่ตรงไปตรงมา แต่เมื่อมาเจองานทางการเมืองหากว่าถูกเลือกจริงๆ อาจต้องแกร่งในเรื่องทนแรงเสียดทางทางการเมืองให้ได้
แม้กระแสข่าวที่ออกมาจะได้รับการปฏิเสธ แบ่งรับแบ่งสู้จากทั้ง 3 คน ในการเป็นแคนดิเดต ตำแหน่ง รมว.คลัง แต่หากจับทิศทางของความเป็นไปได้แล้ว รัฐบาลต้องการบุคคลที่มีมีความรู้ความสามารถที่จะสานงานต่อในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ตามที่ไว้วางเป้าหมายเอาไว้ ซึ่งหากให้คาดเดาใจนายกฯ ก็คงจะต้องต้องเลือกผู้ซึ่งเคยอยู่ในระดับฝ่ายปฏิบัติการกับงานในด้านนี้มาก่อนแล้ว และพร้อมเริ่มงานได้ในทันที
และด้วยคุณสมบัติของรมว.คลัง ที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน การธนาคารเป็นอย่างดี มีความคลุกคลีกับองค์กรอย่างสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งจะต้องรับภาระหน้าที่เปรียบเสมือนแขนขาของรัฐบาลต่อจากนี้ ในการสานต่อนโยบายดังที่กล่าวมาข้างต้น ชั่วโมงนี้ก็คงหนี ไม่พ้นชื่อของ “ชาติชาย พยุหนาวีชัย”
แม้ว่าจะเคยออกมาปฏิเสธในก่อนหน้านี้ แต่หากนายกฯส่งเทียเชิญจริง ก็ยากที่จะปฏิเสธได้ ที่สำคัญชาติชายเองก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในวาระการก้าวลงจากตำแหน่ง ผอ.ธนาคารออมสินว่า ตัวเองนั้นยัง “มีไฟ” และพร้อมที่จะทำงานรับใช้สังคมต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ