ทิศทาง “ตลาดกัญชาโลกทางการแพทย์” จะทะยานขึ้นสูงอย่างมากใน 5 ปี แล้วโอกาสของไทยที่ลุยเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์เหมือนกัน จะเหลือที่ว่างให้เรามีโอกาสลุยเอาเม็ดเงินได้หรือไม่
ในรายงานด้านกัญชาโลก หรือ The Global Cannabis Report จากข้อมูลล่าสุดทำให้เห็นภาพถึง “ตลาดกัญชา” ว่าจะมีทิศทางไปทางไหนในอีก 5 ปีข้าางหน้า
คำตอบคือ มีการคาดการณ์ว่าตลาดกัญชาทั่วโลกจะทะยานไปถึง 103,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ภายในปี 2567 หรือคิดเป็นเงินไทยก็มูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท ผลดังกล่าวมาจากกระแสการตื่นตัวของการใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อ “การแพทย์” ที่แผ่กระจายไปทั้งโลก และมันทำให้ทั้งโลกหันมาสนใจพืชชนิดนี้อย่างมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตราหน้ามันว่าคือ “ยาเสพติด”
ตลาดกัญชาเบอร์หนึ่งของโลก จากรายงานชุดนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าสหภาพยุโรปจะเป็นเบอร์หนึ่งของด้านนี้ ด้วยมูลค่าทางการตลาดกัญชาที่สูงถึง 39,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) และเมื่อลงลึกไปในรายละเอียดก็จะเจอว่า “เยอรมัน” จะเป็นประเทศหลักในการตลาดเรื่องนี้ เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหลังจากเยอรมันผลักดันและพัฒนากฎหมายรับรองการใช้กัญชาทางการแพทย์ ก็ทำให้การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เดินหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เยอรมันกลายเป็นลีดเดอร์ของตลาดกัญชาในอนาคตได้ง่ายๆ
กระนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดกัญชาของเยอรมันกำลังเดินหน้า แต่ก็ต้องสะดุดลงเพราะปัญหาเดียวกันกับทั้งโลก นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะถึงแม้ว่าเยอรมันจะได้มีการบริหารจัดการการผลิต โดยการจัดสรรสิทธิการปลูกกัญชาทางการแพทย์ให้กับบริษัท 3 ราย คือ Aphria, Auror และ Demecan ปริมาณ 10.4 ตัน แต่ก็คาดว่าจะเก็บเกี่ยวในไตรมาส 4 ปี 2563
ขณะที่ตลาดลำดับ 2 อย่าง “สหรัฐและแคนาดา” ซึ่งทั้งสองประเทศรวมกันคาดว่าจะมีมูลค่า 37,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะแคนาดาถือว่ามีความโดดเด่นมาก เพราะได้มีการยกร่างกฎหมายอนุญาตให้มีการปลูกและใช้กัญชาสำหรับความบันเทิงและสันทนาการ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองสามารถใช้กัญชาเป็นส่วนผสมในอาหารได้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 และเริ่มวางตลาดในเดือนธันวาคม 2562
กัญชาทางการแพทย์จึงไม่ใช่ของใหม่ของคนทั้งโลก รวมถึงไทยเองที่ก็ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อใช้สำหรับเฉพาะทางในการรักษาร่างกาย แต่คำถามที่น่าสนใจ เมื่อมูลค่าตลาดกัญชาของทั้งโลกมันสูงขนาดนี้ และแนวโน้มยังสูงไปได้อีก จะเหลือพื้นที่ใดให้ประเทศไทยเข้าไปจับจองได้หรือไม่ หากว่าเราจะเลือกเดินในเส้นทางนี้เพื่อหารายได้เข้าประเทศอย่างจริงจัง
เว็บไซต์ bangkokbanksme มีคำตอบของเรื่องนี้พร้อมกับโอกาสของเมืองไทยในตลาดกัญชาโลก โดยระบุว่า สำหรับตลาดกัญชาในประเทศไทยนั้นได้เริ่มมีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายในการใช้ประโยชน์จากพืชเสพติดตั้งแต่ปี 2557 และผลักดัน “กัญชง” ให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ก่อน “กัญชา”
โดยปรับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่องกำหนดลักษณะกัญชง (HEMP) พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้ ซึ่งการดำเนินการยังคงมีความต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ที่ให้มีการผ่อนปรนในการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดและตามนโยบาย
ล่าสุดกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกได้จัดตั้ง “สำนักงานจัดการกัญชาและพืชกระท่อมทางการแพทย์แผนไทย” เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาและพืชกระท่อมทางการแพทย์แผนไทย โดยมีการจัดทำเครื่องกัญชาและน้ำมันกัญชาสนับสนุนให้โรงพยาบาล 272 แห่งใช้ในการรักษา
จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2563 ปรากฏว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาและรับยาสูตรแพทย์แผนไทยที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชาแล้ว 16,356 คน ควบคู่กับได้มีการศึกษาการใช้ยา 90 ตำรับ ที่มีส่วนผสมของกัญชาซึ่งขณะนี้มีประกาศไปแล้ว 16 ตำรับ และอยู่ระหว่างเตรียมเสนอเพื่อประกาศเพิ่มอีก 13 ตำรับ นอกจากนี้ยังให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ
ในส่วนของพืชกระท่อม กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้เตรียมเสนอตำรับยาที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนประกอบซึ่งมีความปลอดภัย 7 ตำรับยา และเตรียมเสนอเพิ่มในอนาคตอีก 8 ตำรับยา เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้เช่นกัน ดังนั้นแนวโน้มตลาดกัญชาทางการแพทย์ก็ยังพอจะมีลู่ทางพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจทำเงินได้ในอนาคต
อ้างอิง bangkokbanksme
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ