“เบา ๆ หน่อย ยังไงก็อยู่ด้วยกัน” คำเดียวหยุด จากบิ๊กตู่ที่สยบ “ชัยวุฒิ” แห่ง พปชร.

“เบา ๆ หน่อย ยังไงก็อยู่ด้วยกัน” คำเดียวหยุด จากบิ๊กตู่ที่สยบ “ชัยวุฒิ” แห่ง พปชร.


ปรบมือให้ลุงตู่ และอยากให้ลุงป้อมดูเป็นตัวอย่าง “เบา ๆ หน่อย ยังไงก็อยู่ด้วยกัน” วิธีสยบร้าวของนายกฯ ปมชัยวุฒิชกผิดรุ่น ไล่รองฯ สมคิดออกจากก๊วน

โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote

งานแรกของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สำหรับงานในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังได้สวมหมวกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นั่นคือ การเคลียร์ สยบข่าว ความวุ่นวายในพรรค (อีกรอบ)

เพราะปมที่ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ พปชร. และในฐานะกรรมการบริหารพรรค ออกมาเล่นแรงถึงรองนายกฯ “อาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจและยังเป็นมันสมองสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชนิดที่ไม่ไว้หน้า ถึงกับขนาดกล้าพูดว่า หากนายสมคิดออกไป ก็จะได้คนใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาทำงานแทน

สิ่งที่สื่อออกมาในสังคม ย่อมทำให้ภาพความขัดแย้งการแย่งชิงอำนาจในพรรคคแกนหลักของพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พปชร. ยังไม่จบสิ้นไป เพราะคอการเมืองทราบดีว่าการพูดแบบนี้คือการช่วงชิงจังหวะในการบีบคั้นเพื่อให้ก๊วนพวกของตัวเองได้ประโยชน์

แม้จะตั้งใจและวางเป้าหมายว่าจะทำให้รองฯ สมคิดต้องสั่นสะเทือน แต่อีกด้านก็สร้างความเสียหายให้พอควรกับ พปชร. และโดยอย่างยิ่งกับตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่อย่างบิ๊กป้อมด้วย

เพราะยังไม่พ้นสัปดาห์ดีนัก แนวทางที่ พล.อ.ประวิตรประกาศว่าจะพาพรรคเป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยนโลโก้ให้มีความสามัคคีกันก็แล้ว แต่ก็เหมือนจะเกิดเรื่องถล่มพวกเดียวกันอีก

อีกทั้งกับสิ่งที่ชัยวุฒิพูดออกมานั้น อาจจะไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใด เพราะอย่างที่รู้กันดี และมีการพูดกันเสมอกับสาธารณะว่าการเปลี่ยนตัว “คณะรัฐมนตรี” อำนาจการตัดสินใจมันอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น รองฯ สมคิดเองก็พูดมาตลอดในระยะหลังจนเลิกพูดไปแล้วว่า การปรับเปลี่ยนใด ๆ อยู่ที่นายกฯ เพียงคนเดียว

แต่กระนั้น สิ่งที่น่าจะทำให้นักเลือกตั้ง หรือ ส.ส.เป็นเดือดเป็นร้อน ก็อาจจะมาจากที่นายสมคิด ยกตัวอย่างของประเทศสิงคโปร์ว่าเมื่อรัฐบาลของพวกเขามองว่าเศรษฐกิจจะมีปัญหา ก็อาจเลือกใช้วิธียุบสภาเพื่อแก้ปัญหา

แน่นอนคำว่า “ยุบสภา” ถือเป็นของหลอน ๆ ของ ส.ส. เพราะพวกเขาเองเมื่อก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งแล้ว ก็อยากทำงาน อยากแสดงฝีมือให้ประชาชนที่เลือกเข้ามาได้เห็น เพื่อต่อยอดเป็นสะพานในการได้ทำงานต่อ ๆ ไป ขณะเดียวกันก็ไม่อยากมาเสียเวลา เสียเงิน หาวาทกรรมเหตุผลมาหาเสียงกันใหม่เพราะจากเหตุยุบสภา

คำตอบก็คืออาจจะกลัว “ตกงาน” จากปมนี้หรือไม่ ทำให้ชัยวุฒิต้องออกมาเขย่า แต่วกกลับไปหาบิ๊กป้อมในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เขามองเรื่องนี้เอาไว้ว่า ความคิดความเห็นของชัยวุฒิ เป็นเพียงความเห็นคนเดียวที่คิด

“ไม่ต้องคุยกันหรอก นายชัยวุฒิก็เข้าใจว่านายสมคิดจะไปยุบสภา และทำให้เขาตกงาน ส่วนตัวผมก็บอกเขา (ชัยวุฒิ) ไปแล้ว เขาแค่กลัวตกงาน เและเรื่องนี้นายสมคิดก็เข้าใจดี”

แต่คนที่ออกมาเบรกและอยู่ชะงัก คือคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บังเอิญเจอกันกับชัยวุฒิในสภาระหว่างพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี 2564

“เบา ๆ หน่อย ยังไงก็อยู่ด้วยกัน” วลีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เอ่ยตรงกับชัยวุฒิ และคือบทบาทของการแนะนำไปยัง ส.ส.คนนี้ของพปชร.

เห็นกันอย่างแจ่มแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะบางครั้งคำพูดอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่สร้างปัญหาตามมา การออกมาเบรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงนับว่าสำคัญในการพารัฐบาลเดินต่อ ยิ่งช่วงนี้หากมีอะไรที่ทำให้สั่นคลอนก็ต้องออกมารีบจัดการ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เช็กเลย ปรับ “ครม.ประยุทธ์ 2/2” เปิดทางทำงานรวมศูนย์ ขึ้นตรง “บิ๊กตู่”

เปิดใจ “2 สาว ล่ามภาษามือแห่งรัฐสภา” ความยากของงานการเมือง ที่ต้องถ่ายทอดออกสู่คนหูหนวกทั่วเมืองไทย