มองได้ 2 ภาพกับการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน “คุมโควิด-19 ได้อยู่หมัด” และ “คุมการเมืองให้นิ่งมากที่สุด” เพื่อพยุงรัฐบาล “บิ๊กตู่”
โดย…กองบรรณาธิกร ThaiQuote
พลันที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ออกมาเผยผลข้อพิจารณาของวงประชุม “ศบค.ชุดเล็ก” เมื่อบ่ายวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่าจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน เพื่อให้มีการบังคับใช้ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2563 ในการคุ้มเข้มโควิด-19 ซึ่งช่วงเวลาจากนี้คือการปลดล็อกเฟส 5 สำหรับธุรกิจอื่นๆ และการเปิดเรียนของนักเรียนทั้งประเทศ ดังนั้น หากว่ามีกฎหมายที่เข้มงวดต่อไป จะช่วยให้รัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดที่หวั่นว่าจะมีรอบสองได้ง่ายขึ้น
แต่แล้วก็มีเสียงคัดค้านออกมาเช่นกัน พร้อมกับคำถามว่าการขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีนัยยะอื่นใดแอบแฝงหรือไม่ คนที่ออกมาต้านเป็นคนแรกๆ คือทีมของพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกของพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อก้าวไกล ระบุว่า
“วันนี้ไม่ได้ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อคุมโรคแล้ว เพราะไทยไม่เจอผู้ติดเชื้อมา 28 วัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการระบาดหมดไป แต่เราควบคุมได้ ทุกอย่างส่อไปในทางที่ดี จึงไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะรัฐบาลจะตรึงอำนาจเพื่อคุมประชาชน และจำกัดเสรีภาพ อีกทั้งเหตุผลว่าคุมโรคจึงต้องขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ฟังไม่ขึ้น” (สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น)
สิ่งที่นายวิโรจน์กล่าวไว้จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ไม่อาจมีใครทราบได้แน่ชัดหรือกล้ายืนยัน แต่แน่นอนว่ารัฐบาลจะไม่มีเสียงตอบรับมาแน่นอนกับเรื่องนี้ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ใช้กันมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับประเทศไทย ค่อนข้างได้ผลดีทีเดียวกับการยับยั้งการแพร่ระบาด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่าเคอร์ฟิว เข้ามาผสมโรงด้วย แต่เมื่อยกเลิกเคอร์ฟิว แต่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังส่งผลดีออกมา จากภาพที่ว่าเราไม่เจอคนในประเทศติดเชื้อเช่นกัน
แต่อีกนัยหนึ่ง สถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นผลดี ก็สะท้อนมาถึงผลงานของรัฐบาลให้เป็นที่ประจักษ์ได้เช่นกัน และแน่นอนว่านาทีนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังต้องการคะแนนบวกจากประชาชนจำนวนมาก เพื่อรีดเอาเครดิตให้ได้มากที่สุด ท่ามกลางกระแสลบที่เริ่มมากขึ้นจากความวุ่นวายของงานการเมือง
เพราะบรรดาพรรคการเมืองในแกนพรรคร่วมรัฐบาล ต่างเริ่มงอแงและสร้างกระแสสร้างคลื่นกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับความต้องการมีอำนาจบารมีเป็นหนึ่งในกลุ่มคณะรัฐมนตรีบ้าง ซึ่งเกมที่เล่นเพื่อเขย่าให้เกิดกระแส คนอย่างบิ๊กตู่อาจไม่คุ้นชินกับการเมืองอาชีพ ทำให้บางครั้งการแก้ปัญหาอาจไม่ถูกจุด
และแน่นอนอีกเช่นกันว่า ยิ่งสถานการณ์การเมืองดูวุ่นวาย ก็จะเป็นช่องโหว่ที่กลุ่มต้านพร้อมจะเปิดปากแผลให้ใหญ่ขึ้นด้วยการจุดไฟรวมกลุ่มกันต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมไม่ต้องการเด็ดขาด การควบคุมภาคสังคมให้อยู่กับที่กับทางก่อนในช่วงนี้ จากกลไกของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ความหมายจริงๆ ก็คือคุมเข้มโควิด-19 แต่ผลพลอยได้จากการได้ควบคุมสถานการณ์การเมืองให้นิ่งมากกว่าเดิม ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดตาม
ยิ่งกับการคุมโควิด-19 ได้อยู่หมัดและกำลังสร้างประเทศขึ้นมาใหม่อีกรอบจากพิษผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัส ซึ่งหากมีกลไกอย่างกฎหมายพิเศษที่เข้มงวดช่วยเสริมงานนี้ ก็ยิ่งจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลเลยทีเดียว ดังนั้น จึงไม่แปลกที่วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563 ที่ประเด็นข้อสรุปการขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน จะถูกส่งให้ “ศบค.ชุดใหญ่” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะ ได้พิจารณาตามข้อบังคับ แต่ท้ายสุดคำตอบแน่นอนอยู่แล้วว่า “ไฟเขียว”
ข่าวที่น่าสนใจ