โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote
ภาพความปั่นป่วนในพรรคพลังประชารัฐปรากฏให้เห็นอีกครั้ง หลังที่ผ่านมาคนภายนอกอาจจะเห็นเพียงเป็นคลื่นใต้น้ำไม่กี่ลูกที่ซัดพอให้ชายฝั่งรู้สึกสะเทือน มาวันนี้คลื่นใต้น้ำดังกล่าวคิดโหมแรงกลายเป็นคลื่นสึนามิ ที่คิดจะกระหน่ำกลืนกินความเดือดร้อนของคนไทย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคนต่างต้องช่วยเหลือประชาชน
นักการเมืองบางคนไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของคนไทย นี่คือสันดานของนักการเมืองที่ไม่ยอมตาย แม้จะผ่านมากี่ยุคสมัย คำว่า “โกงกิน” ที่เราได้ยินมาตั้งแต่จำความได้ วันนี้มันก็ยังอยู่แม้ว่าประเทศจะเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อโรครุนแรงเพียงใด
วันนี้ เหตุการณ์ใน “พรรคพลังประชารัฐ” ได้แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของนักการเมืองที่เอ่ยมาข้างต้น นี่ถือเป็นจุดแตกหัก และความผิดพลาดของพรรค ที่รวมเอานักการเมืองมีชื่อเสียงที่ชาวบ้านร้องยี้เข้ามาเป็นสมาชิก
เสียงข่าวลือเสียงเล่าอ้างว่า “พี่ใหญ่” รัฐบาลอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ ใช้ช่วงโอกาสงานบวงสรวงที่ทำการพรรคใหม่ ย่านรัชดา พูดคุยส่วนตัวกับ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าขอให้ลาออกจากหัวหน้าพรรคนั้น เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีบ่างช่างยุเป็นคีย์แมนอยู่ประมาณ 3-4 คน คนนอกอาจจะมองว่าอยู่คนละกลุ่ม แต่ก็เป็นกลุ่มก๊วนที่พลาดหวังตำแหน่ง รมต. หรือบางคนเป็น รมต.แต่ดูไม่พอใจกับตำแหน่งคอยกระซิบข้างหู “บิ๊กป้อม” อยู่ตลอดเวลา
หากย้อนเกล็ดเรื่องนี้ ไปตั้งแต่ก่อนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่มีการจัดประชุมเพื่อติวเข้มรายชื่อคนที่โดนอภิปราย งานเลี้ยงในคืนนั้น บนโต๊ะอาหาร รมต. ที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคบางคน คุยฟุ้งกระจายข่าวการปรับเปลี่ยนครม.แบบไม่เกรงใจใครหน้าไหน เรื่องบนโต๊ะสนทนาส่วนใหญ่มุ่งเป้าโจมตี หัวหน้าพรรค รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจในโควต้าพรรคตนเอง และเลขาฯพรรค อย่างออกรสออกชาติ พอจับใจความได้ว่าบริหารงานไม่ดีพอ พร้อมเรียกผู้สื่อข่าวสายทำเนียบมาอธิบายถึงความไม่ดีที่ตัวเองกล่าวอ้างนั้น โดยหากให้ตัวเขาขึ้นไปบริหารเองจะดีกว่า
เพราะหากมองกระทรวงที่ รมต.คนนี้คุมบังเหียนอยู่เวลานี้ก็พอรู้ว่า ไม่เคยมีนโยบายเพื่อประชาชน หรือจับต้องได้ออกมาเป็นผลงานของกระทรวงเลย หรือแม้แต่ผลโพลอวยรัฐบาล ชื่อของเขายังไม่ติดอันดับเลย และหากเอ่ยชื่อ ชาวบ้านยังนึกว่ามี รมต.ชื่อนี้ด้วยหรือ
ถัดมาอีกหนึ่งรายชื่อซึ่งถือเป็นผู้ใหญ่ในพรรคที่สนิทสนมกับส.ส.ทุกกลุ่มทุกก๊วนทั้งฝั่งรัฐบาล และฝ่ายค้าน คนนี้ไม่ธรรมดาคดีทุจริตยาวเป็นหางว่าว หากไม่ทุ่มเงินซื้อเสียงก็ยากจะเจาะพื้นที่ฐานเสียงฝ่ายตรงข้ามได้ยกครอบครัวแบบนี้ ส่วนตำแหน่ง รมต.ตนเองคงไม่หวัง เพราะอยากสืบทอดทายาทให้ขึ้นรับแทนมากกว่า
ขณะที่รายชื่อถัดมา เป็น ส.ส.ภาคตะวันออก แตกตัวออกมาจากกลุ่มบ้านใหญ่ คนนี้เรียกร้องขอตำแหน่ง รมต.มานมนานตั้งแต่ มีชื่อเป็นแคนดิเดตนั่งรมว.แต่ต้องถูกปรับตกไป ล่าสุดเห็นว่ามีชื่อจะนั่ง อว.หากปฏิบัติการโค่นล้มกรรรมการบริหารพรรคชุดเก่าสำเร็จ ดูแล้วหากให้คนมือไม่ถึงมาคุม อว. ที่รวมเอานักวิชาการ อาจารย์มหา’ลัยกว่าครึ่งค่อนประเทศมาไว้ที่เดียวกัน ประเทศไทยคงถึงยุคหมดหวัง
สรุปคีย์แมนบวกตัวป่วนที่ออกมาร้องผ่านสื่อ ก็เป็นพวกที่พลาดหวังแม้แต่ตำแหน่ง ส.ส.ในพื้นที่บ้านตัวเอง จะไม่ให้สอบตกได้อย่างไร ก็ชาวบ้านในพื้นที่แค่ได้ยินชื่อก็ร้องยี้ไม่อยากพูดถึงแล้ว เล่นร้องผ่านสื่อว่าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลบริหารงานห่วย เงินเยียวยา 5,000 บาท ทำไมไม่ส่งตรงผ่านหน่วยงานท้องถิ่น จ่ายถึงประชาชน เราเองอยากบอกว่า เพราะเค้ากลัวคนอย่างพวกคุณไง การจ่ายตรงผ่านบัญชีธนาคาร มันตรวจสอบง่าย ตัดปัญหาทุจริต มีหลักฐานแน่นอน หากจ่ายผ่านพวกคุณ จ่ายเร็วจริง แต่หักหัวคิวแน่นอน แล้วเงิน 5,000 จะถึงมือชาวบ้านกี่บาท
กลุ่มคนเหล่านี้ลงทุนลงแรงกันไปเยอะ มีหรือที่จะปล่อยให้ชิ้นปลามันหลุดมือตนเองไป ยิ่งพอรู้ว่ารัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ยิ่งตาลุกวาว รีบไล่ล็อบบี้คนในพรรคกันอุตลุดชิงปลดหัวหน้าพรรค เลขาพรรคฯ ที่มีตำแหน่ง รมว.คลัง รมว.พลังงาน ก่อนที่เม็ดเงินเหล่านี้จะกระจายลงไปสู่ท้องถิ่น ชาวบ้านได้ แต่ตัวเองไม่ได้อะไร
ขอถามสักคำเถอะในหัวสมองพวกคุณเคยคิดเห็นหน้าตาชาวบ้านที่พวกคุณไปกราบขอคะแนนตอนหาเสียงกันบ้างหรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ