ดูเป็นข้อๆ เข้าใจง่ายๆ “ประเทศไทยต้องชนะ” นายกฯ พูดอะไร

ดูเป็นข้อๆ เข้าใจง่ายๆ “ประเทศไทยต้องชนะ” นายกฯ พูดอะไร


นายกฯ ส่งสารสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ย้ำ รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติไวรัสโควิด-19 ประกาศก้อง “ประเทศไทยต้องชนะ”

ช่วงค่ำวันที่ 16 มี.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงการณ์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ประเทศไทยต้องประสบกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี และมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย

ตั้งแต่การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงแรก การย้ายคนไทยกลับประเทศจากเมืองอู่ฮั่น วิธีการรับมือแรงงานต่างชาติที่กลับเข้ามาในประเทศ ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ตลอดจนล่าสุดที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และสังคมเริ่มมีอาการตื่นตระหนกให้เห็น จากการแห่กักตุนข้าวของเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ อาจมองว่า ณ เวลานี้คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาวะวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น จึงตัดสินใจออกมาสื่อสารถึงประชาชน เพื่อแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นว่าขณะนี้ทางรัฐบาลกำลังเตรียมการอะไรอยู่ มีแผนรับมือกับปัญหาอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะพาชาวไทยพาผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ได้

สำหรับแถลงการณ์ครั้งนี้ สื่อสารถึงประชาชนหลังจากมีการสรุปสถานการณ์ประจำวันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ครั้งนี้ นอกจากทีมแพทย์จาก กระทรวงสาธารณสุขแล้ว รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม ได้ออกมาแจ้งถึงมาตรการปฏิบัติตัวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยตนเอง โดยระบุสาระสำคัญว่า สถานการณ์ในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ 2 นอกจากนี้ ยังประกาศถึงการเตรียมพร้อมด้านมาตรการ 6 ข้อเพื่อรับมือกับวิกฤติ

 

เคาะ 6 มาตรการ รับมือโควิด-19 ยันการแพร่ระบาดยังอยู่ในระยะ2

 

 

ดังนั้น แถลงการณ์จาก พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงค่ำ จึงเป็นการพูดถึงในภาพรวมของปัญหาที่เกิดขึ้น และต้องการสร้างความมั่นในให้กับประชาชน โดยประเด็นสำคัญ สรุปแบบเข้าใจง่ายเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

1.สรุปตัวเลขของผู้ติดเชื้อล่าสุด ตั้งแต่ ธ.ค.62-16 มี.ค.63 มีการระบาด 154 ประเทศ มีจำนวนผู้ป่วยรวม 167,543 รายทั่วโลก ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 147 ราย รักษาหาย 38 ราย เสียชีวิต 1 ราย

2.ชี้แจงว่าประเทศไทยชะลอการแพร่กระจายของโรคได้ดี ด้วยระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง และด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย

3.แจ้งว่าการระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก และเป็นช่วงที่มีจำนวนผู้ป่วยเกิดขึ้นมากทั่วโลก

4.เมื่อยอดผู้ติดเชื้อมากขึ้น รวมถึงมีข่าวสารมากมายที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรองซึ่งบางส่วนก็ไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเริ่มตื่นตระหนก จนมีการแห่ไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งนายกฯ ย้ำว่าไม่มีความจำเป็นต้องกักตุน

5.ย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่เคยนิ่งนอนใจ ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือร่วมใจทำงานตามมาตรฐานสากลอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล และเวชภัณฑ์ทั่วประเทศ พร้อมการสนับสนุนอย่างเต็มที่

6.รัฐบาลจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ โดยงดกิจกรรมในสถานที่ที่มีการชุมนุมจำนวนมาก ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สถานบันเทิง สนามกีฬา และสถานศึกษา ยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ

7.ขอความร่วมมือ งดการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเวลานี้ กรณีกลับจากกลุ่มประเทศเสี่ยงต้องกักตัวอย่างเคร่งครัด 14 วัน

8.รักษาสุขอนามัยส่วนตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ กินร้อน อาหารปรุงสุกใหม่ สะอาด ไม่กินของแปลก

9.อย่ากักตุนของ อย่าวิตกกังวลจนเกินไป ขอให้มีความเชื่อมั่นในรัฐบาล ซึ่งจะจัดการเรื่องหน้ากากอนามัย เครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้อย่างเพียงพอ

10.ขอความร่วมมือผู้ที่ยังไม่มีอาการ ไม่มีประวัติเสี่ยงติดเชื้อ และแพทย์วินิจฉัยแล้วว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องตรวจ ให้สังเกตอาการต่อไป เพื่อไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย

11.ขอความร่วมมือหยุดการกระจายข่าวที่ไม่เป็นความจริง สร้างความแตกตื่น ก่อนจะส่งต่อข่าวใดๆ ขอให้มีการตรวจสอบความถูกต้องก่อน

12.ขอให้เข้าใจว่า การระบาดจะยังคงดำเนินไปอีกระยะหนึ่ง ต้องอดทนร่วมฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ขอขอบคุณผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายและประชาชนทุกคน

13.เน้นย้ำว่า “ประเทศไทย” จะชนะการต่อสู้กับไวรัสนี้ ด้วยความร่วมมือของประชาชน

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ