เหรียญอีกด้านที่พันเกี่ยวเงินทอง กับเรื่อง “ผีน้อย” กลับไทย

เหรียญอีกด้านที่พันเกี่ยวเงินทอง กับเรื่อง “ผีน้อย” กลับไทย


โดย….กองบรรณาธิการ ThaiQuote

“ผีน้อยกลับไทย” กลายเป็นแฮชแท็กและถูกนำไปค้นหาในโลกออนไลน์ของเมืองไทยกันอย่างเต็มพิกัดในทุกช่องทาง ประเด็นที่เริ่มจากกลุ่มคนไทยที่ไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ หลายพันชีวิตต้องการเดินทางกลับบ้านเกิด เพราะขณะนี้ เกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในแทบจะทุกพื้นที่

เหตุผลดังกล่าว จึงทำให้แรงงานผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันจนสนุกปากว่า “ผีน้อย” ต้องการหนีไวรัสเพื่อกลับมายังประเทศอันเป็นแผ่นดินเกิด เมืองนอน

แต่อีกด้านจะมีเหตุผลเพียงอย่างเดียวหรือไม่ กับการต้องการหนีไวรัสโควิด-19 ของกลุ่มผีน้อยชาวไทย หรือมันมีนัยยะแอบแฝงเกี่ยวกับเรื่องนี้

ข้อสังเกตที่พอเห็นภาพ เมื่อพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลของไทยและรัฐบาลเกาหลีใต้ จับมือกันและลงนามเป็นสัญญาเพื่อแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย เพราะคนไทยบางส่วนที่กลายเป็นจำนวนใหญ่ แฝงตัวเข้าเกาหลีใต้ด้วยคราบนักท่องเที่ยว แต่ก็หนีไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย ทำให้เกาหลีใต้เจอปัญหาหนักในเรื่องของคนที่ผิดกฎหมายจากทางไทยที่เข้าไปในบ้านเขา

แต่ใช่ว่าเกาหลีใต้จะจืดใจดำ กันคนไม่ให้เข้ามาทำงาน เพียงแต่เงื่อนไขที่ตกลงกับรัฐบาลไทย คือมาได้ แต่ต้องมาอย่างถูกกฎหมาย มีการเทสภาษา ฝีมือทักษะการทำงานในอาชีพที่เขาต้องการ โควต้าถูกกฎหมายถูกกำหนดให้เข้าไปได้หลายหมื่นคน/ปี แต่จะให้ตัวเลขคนเข้าไปทำงาน รัฐบาลไทยก็ต้องมีแอคชั่นด้วยการเอาคนไทยที่ผิดกฎหมายอยู่กลับไปก่อน

แต่ผีน้อยที่ถูกกลับมาก่อนที่ไวรัสจะระบาด ก็ต้องมีเงื่อนไขไม่ให้กลับเข้ามาอีกในระยะแค่ 6 เดือน ก่อนจะเคลียร์เครดิตให้และไม่เอาผิดอีกด้วย กระนั้นก็ตาม หากเลยระยะเวลาที่เขากำหนด ก็ย่อมมีความผิดมีโทษหนักตามมา ซึ่งเพราะเรื่องนี้หรือไม่ที่ทำให้ผีน้อยต่างเร่งกลับไทยให้ได้โดยเร็ว โดยมีเหตุผลอ้างถึงเรื่องไวรัสที่ระบาด

“เพราะหากพ้นเดือนมิถุนายน 2563 ไปแล้ว เกาหลีใต้จะไปเล่นงานทั้งนายจ้างและผู้ถูกจ้างที่ผิดกฎหมาย นายจ้างของเขาลงโทษหนักถึงขั้นทั้งปรับและสั่งจำคุก แรงงานก็เช่นกัน เนรเทศและแบล็กลิสต์ โดยก่อนที่จะถึงจุดนั้นเขาจะมีการปรับ และเงินที่หามาได้อาจจะไม่พอค่าปรับ แล้วติดคุกก่อนถึงจะเนรเทศ ซึ่งเขาจะปฏิบัติอย่างจริงจัง ถ้ามารายงานตัวตอนนี้ทางการของเกาหลีดีใจจะได้ไม่ต้องใช้ยาแรง”

แต่ก็เหมือนจะไร้ผล เพราะคนไทยที่เป็นผีน้อยในเกาหลีใต้อาจจะยังไม่สนใจกับข้อเสนอนี้ เพราะหลังจากตกลงลงนามระหว่างกัน แพร่กระจายข่าวสารออกไป ตัวเลขผีน้อยกลับมาบ้านก่อนไวรัสแพร่ระบาดก็ยังน้อย แม้ว่าล็อตหลังจะกลับมาเพราะไวรัสโควิด-19 มากถึง 5,000 ชีวิตก็ยังน้อยกว่าจำนวนที่แท้จริงที่ยังหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในแดนกิมจิ

 

 

การสำรวจจากเพจแรงงานไทยต่างๆ ในโลกออนไลน์ กับคำถามที่ว่าอยากกลับบ้านหรือไม่ แม้ว่าจะเกิดโควิด-19 ระบาดอย่างหนักก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่า 77% พวกเขาไม่ต้องการจะกลับมา เปอร์เซ็นต์ตามนี้ ชำแหละเป็นตัวเลขคือแรงงานผิดกฎหมายชาวไทยมีมากกว่า 1.5 แสนคน พวกเขาไม่อยากกลับบ้านเพราะหวั่นว่าถ้าจะเข้าระบบให้ถูกกฎหมายก็เกรงว่าจะสอบตกในขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องภาษาการสื่อสาร รวมไปถึงทักษะการทำงาน พวกเขาจึงไม่เสี่ยงกับปากท้องรายได้แม้จะผิดกฎหมาย เพื่อแลกกับการเป็นคนสีขาวที่เข้ามาทำงานต่างแดนอย่างถูกต้อง เลือกจะยอมเจ็บปวด เสี่ยงอันตราย และอยู่อย่างผิดกฎหมายจะดีกว่า

ตัวเลขที่ร้องขอกลับมาเมืองไทยเพราะโควิด-19 แค่หลักพันคนจึงนับว่าน้อยมาก หากคิดถึงจำนวนรวมที่ผีน้อยชาวไทยอยู่ในเกาหลีนับแสนคน นั่นคือข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวไทยในเกาหลีใต้

วกมาหาประเด็น “ผีน้อยกลับบ้าน” ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คนไทยกำลังกังวลไม่สบายใจ และความรู้สึกรุนแรงถึงขั้นบางคนบอกไม่อยากให้กลับมา อย่างไรเสียมันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปรังเกียจพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง หากแต่ประเด็นสำคัญคือรัฐบาลควรจะต้องมีแผนรองรับการกลับมาแบบ “ทยอยกลับ” ไม่ใช่เอาเข้ามากันรอบเดียว เพราะหากเป็นการทยอยกันกลับเป็นชุดๆ เป็นกลุ่มๆ จะช่วยให้เกิดการกักกันได้ง่ายขึ้น ติดตามกันได้ง่ายยิ่งขึ้นในกรณีที่หากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

เข้าใจว่าขณะนี้ไทยเองก็พยายามประสานไปยังเกาหลีใต้เพื่ออย่างน้อยก็ให้ช่วยสกรีนคนไทยที่จะเดินทางกลับมาในระดับหนึ่งก่อน หากปวดหัวตัวร้อนไม่สบาย ก็น่าจะมีการเช็กร่างกายกันก่อนเดินทาง หรือกักตัวกันเอาไว้ 14 วันก่อนให้เดินทางกลับมา เมื่อมาถึงไทยก็คัดกรองกันอีกครั้งหนึ่ง ก็น่าจะช่วยให้ความมั่นใจกับคนในประเทศได้บ้าง เพราะอย่างไรเสีย เราก็ไม่อาจจะห้ามคนไทยให้กลับบ้านตัวเองได้ หากเขาคนนั้นไม่ใช่อาชญากรหนีคดีอะไร

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าจะมีทางแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นรูปธรรม ไม่ใช่จ้องจะขับไล่กันอย่างเดียว

 

ข่าวที่น่าสนใจ