โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote
คำชี้แจงล่าสุดในค่ำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 จากฝั่งของรัฐบาลเกี่ยวกับประเด็น “1MDB” ที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาทิ้งระเบิดก้อนโตไปยัง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และต้องรับผิดชอบกับคดีทุจริตระดับโลกในเรื่องนี้
“ไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาให้ร้ายทำให้สังคมเกิดความสับสน และเรากำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ใส่ร้าย จากนี้จะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อไป”
ถ้อยแถลงจากนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อเรื่องนี้ แม้ยังไม่มีความกระจ่างมากนัก แต่ก็ถือเป็นหลักแรกของรัฐบาล ที่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องแจงให้สังคมรับรู้ข้อมูลมากขึ้น หลังจากปล่อยให้พรรณิการ์ เปิดวงอภิปรายรัฐบาลนอกสภาเมื่อเย็นวันเดียวกัน
คำถามที่น่าสนใจคือ 1 MDB คืออะไร และมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับคำกล่าวหาจากพรรณิการ์ที่กระแทกไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ และมันส่งผลกระทบอย่างหนักทำให้ทั้งโลกต้องจับตา
1MDB กองทุนฉาวมาเลเซีย ของอดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก
1MDB ย่อมาจาก 1Malaysia Development Berhad เป็นหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ของประเทศมาเลเซีย ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2009 สมัยรัฐบาล นาจิบ ราซัก ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของกองทุน โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังมาเลเซีย
เป้าหมายของ 1MDB คือการนำเงินจากธนาคารกลางของประเทศไปลงทุนหาประโยชน์ทางการเงิน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและระบบสาธารณูปโภคของมาเลเซียในระยะยาว โดยลงทุนในโครงการต่างๆ ในหลายธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว เพื่อนำกำไรกลับเข้ามาพัฒนาประเทศ ตั้งเป้าให้มาเลเซียเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2020
กองทุน 1MDB มีเงินตั้งต้นจากรัฐบาลมาเลเซีย 7.5 ล้านบาท และใช้วิธีกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อดำเนินงาน มีรายงานว่าในระหว่างเดือนกันยายน 2009 ถึง มีนาคม 2010 กองทุนมีผลกำไรเพียง 140 ล้านดอลลาร์ ในปี 2014 กองทุนรายงานผลขาดทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก และในปี 2015 พบว่าหนี้ของกองทุนมีมากกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 372,000 ล้านบาท
หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal เปิดเผยในปี 2016 ว่าโครงการต่างๆ ที่ 1MDB ไปลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในต่างประเทศนั้นไม่ได้สร้างผลกำไร ต่อมาคณะทำงานพิเศษสืบสวนกรณีทุจริต 1MDB จึงตรวจสอบพบว่าเงินบางส่วนไม่ได้มีการลงทุนตามวัตถุประสงค์ของกองทุน และมีแนวโน้มว่าเงินจำนวนกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (21,700 ล้านบาท) ได้ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ ราซัก
ในปีเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เปิดโปงว่า เงินที่นาจิบ ราซัก ยักยอกจาก 1MDB เป็นจำนวนเงินราว 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (140,000 ล้านบาท) โดยโยกย้ายฟอกเงินนี้ผ่านระบบการทำธุรกรรมทางการเงินนานาชาติรวมทั้งในสหรัฐฯ โดยเงินนี้ถูกใช้ไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง
ในปี 2018 นาจิบ ราซัก พ่ายแพ้การเลือกตั้ง และได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของมาเลเซียจับกุมตัว เพื่อสวบสวนกรณีทุจริตกองทุน 1MDB และได้พบหลักฐานสำคัญ เกี่ยวกับนายโจ โลว์ (Low Taek Jho) นักธุรกิจชาวมาเลเซีย เพื่อนของบุตรบุญธรรมของนายนาจิบ ราซัก โดยระบุว่าเป็นตัวการสำคัญเบื้องหลังการทุจริต 1MDB
จาก “ช่อ” ถึง “ลุงตู่” การเชื่อมโยงที่ถูกกล่าวหา 1 MDB
เย็นวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ดูเหมือนว่าคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่มีชื่อของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปด้วย จะไม่มีผลอะไรมากนักต่อตัวเธอในการเดินหน้าทางการเมืองต่อไป เพราะเธอเลือกเวทีนอกรัฐสภา เปิดประเด็น 1MDB ที่พันเกี่ยวกับหน่วยงาน คนใน และตัวรัฐบาลในยุคปัจจุบันภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เธอแจงถึงเหตุผลที่ต้องเปิดเวทีนอกรัฐสภาอภิปรายรัฐบาล เพราะตัวเองนั้นหมดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้วนานถึง 10 ปี และข้อมูลที่จะบอกป่าวต่อสังคม คือข้อมูลที่ได้เตรียมการเอาไว้ว่าจะพูดให้ผู้นำประเทศฟังก่อนที่คำตัดสินจะออกมา สักขีพยานที่รับฟังคำกล่าวอ้างที่เกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนแทน
พรรณิการ์ ฉายภาพว่า กองทุน 1MDB มีคนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ยังอยู่ในอำนาจ และรวมไปถึงตัวของนายกรัฐมนตรี พัวพันกับการปกปิด ให้ที่หลบซ่อนกับผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี 1MDB เพราะหลังจากที่ทางการไทยจับกุมตัว นายชาเบียร์ ฆุสโต สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ที่ออกมาเปิดโปงการทุจริตในกองทุนนี้ได้ในประเทศไทย ตามการประสานจากเครือข่ายกองทุน 1MDB ที่แจ้งมาว่านายฆุสโต มีพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ผู้จัดการเปโตซาอุเดีย โดยเรียกรับเอาเงิน 83 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยข้อมูลการค้าของบริษัท
ที่น่าสนใจคือกองทุนนี้ยังโด่งดังไปทั่วโลก เพราะมีการอ้างว่าเงินจำนวน 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกโยกย้ายออกจากกองทุน 1MDB ไปอยู่ในการครอบครองของ นาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในขณะนั้น
พรรณิการ์ ยืนยันว่า ได้เข้าไปพบกับนายฆุสโตผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัว และมีการระบุว่าเกิดการกดดันปนข่มขู่ จากทางการไทย ให้นายฆุสโตรับสารภาพว่า “กุเรื่อง” การทุจริตในกองทุน 1MDB ขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายนาจิบ
คำกล่าวอ้างของพรรณิการ์ ยังระบุอีกว่า มีหลักฐานที่พบและทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังปกปิดข้อเท็จจริงทางคดีนี้ และถือเป็นการปกปิดอาชญากรรมระดับโลกที่ไทยเองดันเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีทุจริตโกงเงินคนมาเลย์ครั้งประวัติศาสตร์ เธออ้างอีกว่า ไทยยังปล่อยให้เป็นแหล่งกบดานของอาชญากรทางคดีนี้ที่ชื่อว่า “โจว์ โล” ที่เป็นคนสนิทของนาจิบ (เพื่อนของลูกบุญธรรม) ที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในคดีนี้
“เราพบว่านายโจว์ โล เข้าออกประเทศไทยถึง 5 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือวันที่ 13 พฤษภาคม 2561 หลังนายนาจิบแพ้การเลือกตั้ง โดยความผิดปกติที่ได้ตรวจสอบพบคือไม่เคยมีหลักฐานปรากฏว่าไทยแจ้งต่อประเทศใดว่า โจว์ โล ได้มีการเข้าออกประเทศของเรา อีกทั้งไม่ได้มีการปฏิเสธการเข้าออกประเทศของคนที่มีหมายจับสีแดง จึงน่าสงสัยว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จงใจให้ที่พักพิงกับอาชญากรที่มีหมายแดงหรือไม่” ส่วนหนึ่งจากคำอภิปรายของพรรณิการ์
พรรณิการ์ ยังทิ้งท้ายให้สังคมช่วยกันตามและสนใจกับเรื่องนี้เข้าไว้ พร้อมทั้งยืนยันว่าหลักฐานทุกอย่างไม่ได้ถูกเอามากล่าวหาลอยๆ ใส่รัฐบาล หากแต่ได้รับการรับรองจากศาลสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ควรออกมาชี้แจง
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ