“บิ๊กป้อม” กำชับ ฝ่ายปกครองทุกพื้นที่ ตรวจตราคุมเข้มเพื่อหยุดการเผาพืชไร่ให้ได้ เพื่อหยุดยั้งฝุ่นพิษ PM 2.5 ขณะ มท.1 สั่งเด็ดขาด 9 จว.ภาคเหนือ ปฏิบัติตามแผน พร้อมดำเนินคดีเด็ดขาดกับคนลักลอบเผา
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง)กำชับขอให้ กระทรวงมหาดไทยโดยฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตรวจตราคุมเข้มเพื่อหยุดการเผาพืชไร่ในที่โล่งแจ้งให้ได้ หลังยังพบจุดความร้อนกระจายใน 5 จว.ภาคเหนือและยังมีการเผาไร่นาบริเวณปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษที่ยังค้างเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ ย้ำเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่ละเลยร่วมเฝ้าระวังและเข้มมาตรการควบคุม ควบคู่กับให้ความรู้และขอความร่วมมือประชาชนให้หยุดการเผาในที่โล่ง ย้ำหากยังฝ่าฝืน ต้องลงพื้นที่บังคับใช้กฎหมายเด็ดขาดเป็นเยี่ยงอย่าง
ขณะเดียวกัน ขอให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าประจำจังหวัด ที่จัดตั้งขึ้นในทุกจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จ.ลำปาง แพร่ น่าน พะเยาและตาก รวมทั้งปทุมธานีและปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ ประสานทำงานร่วมกับจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมเฝ้าระวังและเพิ่มความเข้มดำเนินการทั้งมาตรการเชิงรุกและรับ พร้อมขอให้กองทัพ สนับสนุนการเฝ้าตรวจทางอากาศและจัดกำลังภาคพื้นสนับสนุนการควบคุม สถานการณ์และแก้ปัญหาหมอกควันในแต่ละพื้นที่ให้กลับเป็นปกติโดยเร็ว.
มท.1 สั่งเข้ม 9 จว.ภาคเหนือ ดำเนินคดีคนลอบเผาอย่างเด็ดขาด
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติเป็นต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในระยะ 1 – 2 เดือนข้างหน้า พื้นที่ภาคเหนือมักประสบปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ซึ่งส่งผลกระทบแก่ประชาชนในพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ระบบบัญชาการเหตุการณ์ ภายใต้แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 เป็นกลไกหลักในการบูรณาการในมิติเชิงพื้นที่
ขณะนี้ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา และเชียงราย ได้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองอย่างเต็มกำลังโดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เป็นศูนย์กลางในการบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ พร้อมดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ตามแผนเผชิญเหตุของแต่ละพื้นที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เน้นมาตรการป้องกันและลดแหล่งกำเนิดมลพิษ ทั้งบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีกับผู้ลักลอบเผาอย่างเคร่งครัด ประกาศพื้นที่และห้วงเวลาห้ามเผา จัดทำแนวกันไฟ จัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นจริงจังในการลดปริมาณและการกระจายของฝุ่นละอองในพื้นที่
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ได้กำชับให้ทุกจังหวัดปรับแผนเผชิญเหตุให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัญหาแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนในการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ กับภาครัฐ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวให้ได้มากที่สุด
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
