โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote
“ถ้ารองเลขาพูดว่าเอ๋ฟ้องก็ไม่ชนะและจะโดนอาญา เอ๋ก็ขอฟ้องแล้วกัน ถ้าเอ๋แพ้ก็ติดคุก ถ้าเอ๋ชนะ พี่ช่วยลาออกจากรัฐมนตรีได้ไหมคะ เพราะพี่ไม่ได้ช่วยอะไรเอ๋เลย มีแต่กระทืบเอ๋ ขออนุญาตแคปหน้าจอจะไปโชว์ผลงานพี่กับเพื่อนๆที่พรรคด้วนนะคะ”
ข้อความบนไลน์ที่แชทคุยส่วนตัวกัน ระหว่าง “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ คนของพลังประชารัฐเหมือนกัน
ทำให้คอการเมืองของไทยหูตั้ง ตาเปิดกว้างขึ้นมาทันที เพราะมันสะท้อนได้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียวว่า สิ่งที่ปารีณาพูด มันหมายถึงประเด็นที่เจ้าตัวมีคดีความในการรุกที่ดินของรัฐอยู่ และนัยยะของความหมายมันย่อมหมายถึงเจ้าตัว ร้องขอการช่วยเหลือในฐานะคนของรัฐบาลชุดนี้แล้ว
สิ่งที่ตามมาในข้อความที่ได้อ่าน ยังมีส่วนต่อเนื่องที่ถึงกับตัดพ้อไปว่า “ไม่มีใครช่วย” และทำให้ชีวิตของตัวเอง “ฉิบหาย” ภาพที่เด่นชัดขึ้นมาคือสุดทางสู้แล้วสำหรับหญิงแกร่งแห่งราชบุรี ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เปรียบในคดีความที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของอยู่
ประเด็นดังกล่าวมองได้หลายมุม แต่ที่เห็นชัดเจนคือ “ผลเสีย” อย่างแน่นอนสำหรับพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กุมบังเหียน และมันย่อมสะเทือนไปถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะก็เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ
เพราะมันเกิดความขัดแย้งอย่างหนักหน่วง และจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในพรรคพลังประชารัฐเอง
กระนั้นก็ตาม เรื่องดังกล่าวที่แดงขึ้นมาจาก “ปารีณา” ที่ตัดพ้อไปยังพี่รัฐมนตรีอย่าง “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ทำให้สังคมเชื่อได้ว่า คดีบุกรุกที่ดินของปารีณา งานี้ไม่มีปาหี่ หรือมวยโชว์ แต่เป็นการเล่นจริง ดำเนินคดีจริง แม้ว่าจะเป็นคนของรัฐบาลเองก็ตาม เพราะหากเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือที่หลายคนปรามาสเอาไว้ว่า อีกไม่นานก็น่าจะหลุดคดี เรื่องนี้คงไม่จริง เพราะหากเป็นเช่นนั้น “ปารีณา” คงไม่ออกมาขยับตัวแรงขนาดนี้
มันจึงสะท้อนได้ว่า “ร.อ.ธรรมนัส” ในฐานะที่กำกับดูแลสปก. ก็ไม่อ่อนข้อให้เหมือนกัน กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ “ปารีณา” ทำก็เหมือนกับว่าต้องการปิดเกมนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด และเรียกร้องด้วยการ “บีบ” และ “ขู่” ไปยังผู้มีอำนาจให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่คำถามคือ “ร.อ.ธรรมนัส” จะไปช่วยได้อย่างไร
เพราะเขาเองในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของกระทรวงฯ คนหนึ่ง จะไปทำให้ดำเป็นขาว หรือทำให้ขาวเป็นดำ โดยไม่ลืมหูลืมตาดูข้อกฎหมายได้จริงหรือ ทั้งๆ ที่แสงไฟจากสังคมก็จับจ้องมาแบบนี้
เกมนี้จึงพลิกและน้ำหนักของคำถามที่ว่า “สมควรแล้วหรือ” พุ่งไปหา “ปารีณา” ในทันที เสมือนว่าเจ้าตัวกำลังต้องการ “พลังพิเศษ” มาช่วยคดีความตัวเองเสียหน่อย เพราะที่ผ่านมาก็อ้างอีกว่า “ยอม” ทำตามคำสั่งทุกอย่าง แต่คดีของตัวเองกลับไม่มีอะไรคืบหน้าไปในทิศทางบวกสำหรับตัวเอง
สิ่งที่เอ๋ทำ แม้ว่าจะไม่สามารถจับมือใครดมได้ว่า “แชท” มันหลุดออกมาได้อย่างไร แต่สุดท้ายตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นบทสนทนาจริงๆ ที่ส่งหาร.อ.ธรรมนัส
ภาพแง่ลบจึงเกิดขึ้นทันทีในพรรคพลังประชารัฐ ที่อาจจะถูกหยิบเอาเรื่องนี้ให้ฝ่ายค้านไปชำแหละได้อย่างจังๆ ว่าอาจจะ “มีนอกมีใน” กันหรือเปล่าในพรรค แม้ว่าจะออกมาอธิบายแต่คนที่จ้องก็พร้อมจะเอาไปเล่นงานเสมอ
บิ๊กตู่ และ บิ๊กป้อม สองผู้มากบารมีของพรรค อาจจะต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้ในแบบ “เด็ดขาด” ไม่เช่นนั้นมันส่งผลถึงความเชื่อมั่นของพรรคอย่างแน่นอน
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“ประวิตร”ยิ้มใส่ตอบ “ไม่มีอะไร” ปม’ปารีณา-ธรรมนัส’ซัดกัน