ชาวอ.นครหลวงเฮศาลปกครองสั่งระงับท่าเรือขึ้นถ่านหินเพิ่ม ศรีสุวรรณจ่อบุกเจ้าท่า-อุตฯอยุธยาระงับการขนถ่ายถ่านหินจันทร์นี้
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้นัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาเพิ่มอีก 5 คดีในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และประชาชนริมแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ยื่นฟ้องอุตสาหกรรมจังหวัดฯ กับพวกรวม 9 หน่วยงาน กรณีอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการต่าง ๆ เข้ามาดำเนินกิจการโรงงาน และท่าเรือขนส่งถ่านหิน จนเป็นเหตุให้เกิดฝุ่นละออง น้ำเสีย และเสียงดังกระทบกระเทือนต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม

โดยศาลได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการท่าเรือขนถ่ายสินค้าบริเวณท่าเรือ พี.เอ็น. พอร์ท. และบริษัท ท่าเรืออยุธยาและไอซีดี จำกัด ที่เปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่อนุญาต
พร้อมทั้งให้นายกเทศมนตรีต.นครหลวง และนายกเทศมนตรี ต.อรัญญิก ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 ในการแก้ไขเหตุรำคาญเกี่ยวกับฝุ่นละอองจากการประกอบกิจการท่าเรือขนถ่ายสินค้าดังกล่าว โดยให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด

เนื่องจากศาลเห็นว่า การเปลี่ยนประเภทการใช้ท่าเรือดังกล่าว จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้ให้ความเห็นชอบการเปลี่ยนประเภทการใช้ท่าเรือโดยไม่ปรากฏว่า ผู้ประกอบกิจการท่าเรือได้ดำเนินการจัดทำ EIA จึงเป็นกรณีที่ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนั้นศาลยังพิพากษาให้อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.โรงงาน 2535 แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละอองและเสียงดังจากการประกอบกิจการโรงงานเก็บรักษาหรือแบ่งบรรจุปุ๋ยเคมีของบริษัท จิ้นหยู่เฮง จำกัด และการประกอบกิจการโรงงานลำเลียงสินค้าลงเรือด้วยระบบสายพาน และเก็บรักษาหรือลำเลียงพืช เมล็ดพืช หรือผลผลิตจากพืชในไซโลโกดังหรือคลังสินค้าของบริษัท เอส.พี. อินเตอร์ มารีน จำกัด พร้อมทั้งให้นายก อบต. บ่อโพง และนายก อบต. ปากจั่น ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของโรงงานทั้งสองแห่ง ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 ในการแก้ไขเหตุรำคาญโดยให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด

“ ทั้งนี้ในพื้นที่ลำน้ำป่าสัก อ.นครหลวง มีการก่อสร้างท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน ปุ๋ย แป้งมัน และอื่นๆอีกกว่า 51 ท่าเรือซึ่งไม่ได้จัดทำ EIA ตามประกาศกระทรวงทรัพย์ฯเลย ซึ่งก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนและเสียหายต่อประชาชนตลอดริมน้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค. นี้เวลา 10.30 น. สมาคมฯและชาว อ.นครหลวง จะเดินทางไปยื่นคำร้องให้ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา ถ.อู่ทอง ต.หอรัตนไชย จ.อยุธยา เพื่อสั่งให้ผู้ประกอบการระงับการใช้ท่าเรือที่ผิดกฎหมายตามคำพิพากษาโดยทันทีต่อไปด้วย และหลังจากนั้นจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่ออุตสาหกรรมจังหวัดอยุธยาต่อไปด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“บูลลี่ในโรงเรียน”จะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป
