นับตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ผ่านมา ด้วยเสียรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ ทำให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้งจำเป็นต้องพึ่ง “งูเห่า” ถ้าหากจำเป็นต้องพึ่งอยู่ตลอดเวลาจะส่งผลดีผลเสียอยางไร
นายไพศาล มังกรไชยา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ได้ ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊ก Thaiquote เรื่อง“จับตา “งูเห่า” กับความเป็นไปของประชาธิปัตย์กับอนาคตใหม่”โดยชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์รัฐบาลปริ่มน้ำ ส่งผลให้การลงมติต่างๆ มีความเสี่ยง ส่งผลให้หลายครั้งต้องอาศัยเสียของงูเห่ามาช่วย ซึ่งจะส่งผลดีในระยะสั้นหรือระยาวได้หรือไม่ เชิญฟังคลิปวิเคราะห์จากคุณไพศาล(สามารถติดตามการไลฟ์สด มุมมองประเด็นดังของ คุณไพศาล มังกรไชยา ได้เป็นประจำที่ Thaiquote)
จากการโหวตมาตรา 44 กว่าจะผ่านไปได้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ฝ่ายค้านอีก 4 เสียง การเมืองในภาคฝั่งรัฐบาลจะดัดนิสัย โดยจะดึงออกจากพรรคร่วมรัฐบาลและจะดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ และงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมด้วย ส่วนประชาธิปัตย์ก็ออกไป ส่วนเสียงที่สนับสนุนก็จะจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ให้ อาศัยเสียง ไม่ได้ร่วมรัฐบาลแต่จะเป็นงูเห่า คาดว่าจะมี 30 เสียงที่มีความใกล้ชิดกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นการบังเอิญที่คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคลาออกด้วย ข่าวลือบอกว่าเตรียมมารับตำแหน่งในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาล แยกออกมาไม่เกี่ยวกับทางพรรคประชาธิปัตย์
ดูในทางปฏิบัติที่จะนำเอากลุ่มงูเห่าเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเป็นไปได้ยาก เพื่อไทยจะมาเฉพาะงูเห่า ผลักประชาธิปัตย์ออกไป แล้วเอาในกลุ่มงูเห่ามาสนับสนุน การแก้ไขปัญหาแบบนี้ไม่น่าจะมั่นคงยั่งยืน และไม่น่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้นจากข่าวที่ออกมาไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะการกระทำแบบนั้นมีความเสี่ยงมากเตรียมนับถอยหลังได้เลย และจบด้วยการยุบสภา ก็จะทำให้การมองเครดิตของรัฐบาลก็จะไม่ค่อยดี ไม่มีกติกา จะเอาแต่ชนะคะคานเป็นรัฐบาลฝ่ายเดียว ทำยังไงก็ได้ไม่ยึดเรื่องของพรรคต่อไป ใช้ประโยชน์จากงูเห่าคงเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าทำไมจึงเป็นข่าวแบบนี้ คาดว่าการสร้างข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อไปกดดันพรรคประชาธิปัตย์ให้ควบคุมดูแลสมาชิกพรรคของตนเองให้เรียบร้อยอย่าให้มีปรากฏการณ์ดังที่เกิดมาแล้ว ซึ่งจะเห็นถึงการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาอย่างชัดเจน ทั้งในระดับแกนนำและระดับส.ส. ล่าสุดก็มีการพูดคุยหลายรอบถึงขั้นไปทานข้าวกัน ไปกันครบเพื่อกอบกู้สถานการณ์ในช่วงนี้ แม้ว่าอาจจะมีบางกลุ่มบางฝ่ายอาจจะไม่ชื่นมื่นกับการเข้าร่วมรัฐบาลและสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความจำเป็นที่จะต้องร่วมรัฐบาลยังคงมีอยู่ ฉะนั้นปัญหาพรรคประชาธิปัตย์ก็จะค่อยๆ คลี่คลาย
แต่ถ้าในระยะยาวเชื่อว่าปัญหาภายในของพรรคประชาธิปัตย์จะมีปัญหาต่อการร่วมรัฐบาล เพราะเสียงประชาธิปัตย์ที่ต้องการแสดงจุดยืนความเป็นประชาธิปไตยจะทำให้เกิดส.ส.เหล่านี้ไม่สามารถยกมือให้ฝ่ายรัฐบาลได้ทุกๆ เรื่อง ก็จะทำให้เกิดปัญหาซ้ำรอยกัน ซึ่งระยะเริ่มต้นศึกษาได้จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการเคลื่อนไหวในสภาในขั้นตอนต่างๆ มันจะไปเผชิญหน้ากันระหว่างความเห็นต่างของ 3 ป. และฝั่งประชาธิปัตย์ที่ต้องการแสดงจุดยืนความเป็นประชาธิปไตย ต้องมีความคิดสวนกันอีกรอบกลายเป็นวิกฤตที่ซ้ำเติมมา แต่อย่างไรก็ตามทฤษฎีเรื่องงูเห่าก็ไม่เลื่อนลอยเพราะแสดงตนออกมาหลายครั้ง เห็นได้จากเสียงของพรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ก็แสดงอาการออกมาเช่นกัน คาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพรรคดังกล่าว
เชื่อว่าสถานการณ์ระยะยาวของพรรคประชาธิปัตย์จะไปเชื่อมโยงกับอนาคตของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งปัญหาที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคจะมีความผิดไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ ต้องคอยติดตาม แต่คาดว่าไม่ถึง แต่คดีอื่นๆ คำร้องอื่นๆ กำลังรออยู่ ถึงขั้นจะต้องยุบพรรค เพราะฉะนั้นอนาคตของพรรคอนาคตใหม่ ต้องจับตาดูว่าจะถึงขั้นยุบพรรค และกรรมการยุติบทบาท แต่ส.ส.ที่ไม่เป็นกรรมการพรรค จะต้องไปหาพรรคใหม่สังกัด เพราะในอนาคตใหม่ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ามีงูเห่าแล้วแน่นอน แล้วถ้าไม่มีอนาคตใหม่แล้วงูเห่าเหล่านี้จะย้ายไปสังกัดพรรคไหน อนาคตใหม่มี 80 คน ถ้าดึงเข้ามาจะชอบด้วยกฎหมาย ไม่ต้องรอให้เขาไล่ออก ก็จะไม่มีพรรคใดที่จะส่งเสริมงูเห่าที่ถูกไล่ออกจากพรรคแล้วไปหาพรรคสังกัดซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล ตอนนี้จึงเป็นการเล่นเกมกันอยู่ไม่ยอมไล่ออก แต่ในขณะเดียวกันใช้วิธีโดดเดี่ยว ฉะนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นผึ้งแตกรัง และถ้าหากมีการดึงกันมาเป็นกอบเป็นกำ อนาคตของอนาคตใหม่ก็จะไปเหมือนกับอนาคตของประชาธิปัตย์ เพราะถ้าคะแนนที่ได้มาทดแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกดัดสันดาล ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่เป็นเรื่องที่จะเกิดในเร็วๆ นี้ แต่คาดว่าในอนาคตพรรคอนาคตใหม่จะต้องถูกยุบอย่างแน่นอน ส่งผลให้ต้องมีการปรับครม.เพื่อจัดการปัญหาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอาจจะเป็นที่พอใจของสมาชิกกลุ่มหนึ่งของประชาธิปัตย์ที่ต้องการแยกตัวออกมาเป็นซีกประชาธิปไตย วางจุดยืนให้มั่นคงร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไป
สำหรับการเมืองในระยะเฉพาะหน้ารัฐบาลก็ต้องกัดฟันประคับประคองกันไปก่อน ต้องให้ข้ามปีไปให้ได้ ส่วนเงื่อนไขสำคัญต่อไปคือการยุบพรรคอนาคตใหม่ถือเป็นจุดหักเหที่สมาชิกพรรคต้องหาที่สังกัด ซึ่งส.ส.จำนวน 60-70 คนจะย้ายไปที่ไหน อันนี้เป็นตัวแปรที่สำคัญ ของทั้งฟากฝ่ายค้านและฟากฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟากฝ่ายรัฐบาล
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ