63’บัณฑิตเตะฝุ่นครึ่งล้านคน โจทย์ใหญ่รัฐบาลที่ “เฉยไม่ได้”

63’บัณฑิตเตะฝุ่นครึ่งล้านคน โจทย์ใหญ่รัฐบาลที่ “เฉยไม่ได้”


โดย…กองบรรณาธิการ ThaiQuote

เป็นวิกฤติอีกระลอกของ “คนหนุ่มสาว” ในบ้านเรา โดยเฉพาะกับเหล่าบัณฑิตใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในปี 2563 เพราะพวกเขาอีกหลายแสนชีวิตที่พกพาใบปริญญาจบออกมาจากสถาบันการศึกษาแห่งต่างๆ กำลังจะ “ว่างงาน” ตั้งแต่ยังไม่มีงานจะทำ

ด้วยตัวเลขของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่รายงานในเรื่องแรงงานจบใหม่ มันช่างสะท้อนความน่ากลัวและบ่งบอกถึงพายุการว่างงาน ที่แน่นนอนว่าจะต้องสะเทือนมาถึงระบบเศรษฐกิจในประเทศไทย

เพราะการคาดการณ์แรงงานจบใหม่ในปีหน้า โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม 2563 ที่เป็นช่วงจบการศึกษาของเหล่าบัณฑิตใหม่ จะมีตัวเลขคนว่างงานใหม่สูงถึง 520,000 คน สูงที่สุดมากกว่าปี 2562 ในเดือนกรกฎาคมที่มีตัวเลขบัณฑิตใหม่ว่างงานอยู่ที่ 436,000 คน และย้อนหลังกลับในในช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ตัวเลขว่างงานของแรงงานใหม่อยู่ที่ 382,000 คน

จากตัวเลขที่เกิดขึ้นทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า อัตราการว่างงานของแรงงานจบใหม่ มันพุ่งสูงขึ้นเป็นก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างเรื่อยๆ และถือเป็นเรื่องหนักอกสำหรับรัฐบาล และกระทรวงแรงงานที่ต้องกดตัวเลขว่างงานเหล่านี้ให้ “ต่ำลง” ให้ได้อย่างเร่งด่วน

ถือเป็นเรื่องที่จะรอไม่ได้เลยทีเดียว เพราะตัวเลขระดับคนว่างงานของเด็กจบใหม่ที่ทะลุ 500,000 คนในปีหน้า จะเป็นตัวเลขการ “เตะฝุ่น” ที่สูงที่สุดในประเทศไทยในกรอบ 10 ปีเลยทีเดียว

การตอกย้ำตัวเลขว่างงานที่สูงขึ้นอย่างมาก ถูกสำทับอีกครั้งโดย สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ที่ระบุว่า ยอดตัวเลขแรงงานจบใหม่สูงขึ้นอย่างมากในปี 2563 ที่ขยับขึ้นมาถึง 9.27% ผลพวงมันเกิดมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่กระทบเศรษฐกิจทั้งโลก และประเทศไทยก็ไม่รีรอที่จะได้ผลกระทบนี้เช่นกัน

หลายอุตสาหกรรมจึงจำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดของบริษัท หลายอุตสาหกรรมทั้งภาคการส่งออก การผลิต การบริการ โลจิสติกส์ ค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งการลดการรับแรงงานใหม่ หรือบางส่วนก็ลงทุนไปกับเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อมาใช้งานแทนมนุษย์ และแน่นอนว่ามันส่งผลให้การจ้างงานลดลง แต่คนเตะฝุ่นต้องเพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่เด่นชัดกับการจ้างงานที่ลดลง และรวมไปถึงการตกงานของเหล่าแรงงานไทย สัญญาณที่ส่งมาให้เห็นภาพที่เด่นชัดขึ้น คือการปิดโรงงานการผลิตหลายแห่งในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

แต่ที่น่าสนใจนอกไปจากปัญหาแรงงานจบใหม่จะต้องเตะฝุ่นมากกว่า 500,000 ชีวิตแล้ว การลดโอทีของแต่ละบริษัทก็เริ่มถูกนำมาใช้กันมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือการขอความร่วมมือให้เกษียณก่อนกำหนด ด้วยตัวเลขอายุแค่เพียง 40 ปีเท่านั้น และหลายบริษัทหลายแห่งก็เริ่มใช้มาตรการนี้เข้ามาขอความร่วมมือกับคนวัยเลข 4 ขององค์กรตัวเองบ้างแล้ว

ปัญหาที่เกิดขึ้นมันฉายภาพออกมาว่า เอกชนไม่รับพนักงานใหม่ มีแต่ทยอยปรับออก ก็สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนแออย่างมาก สถานการณ์เช่นนี้จะยืดเยื้อต่อไปตามวังวนของเศรษฐกิจประเทศที่ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ชั่วยามนี้ก็ติดลบไปแล้ว 2-4%

ถือเป็นอีกโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลที่ไม่อาจจะมองข้ามได้เลย โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้เศรษฐกิจไทยมันเดินหน้าไปได้ต่ออย่างราบรื่นมากที่สุด