ศาลยกฟ้อง “เปรมชัย-ภรรยา” คดีครอบครองงาช้าง

ศาลยกฟ้อง “เปรมชัย-ภรรยา” คดีครอบครองงาช้าง


ศาลสั่งยกฟ้อง เปรมชัย ภรรยา และคนใกล้ชิด คดีครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย ชี้ มีการจดทะเบียนถูกต้องเป็นมรดกที่ตกทอดมา พร้อมคืนของกลางให้จำเลย

วันนี้ ( 1 ต.ค.2562) ศาลอาญา มีนัดฟังคำพิพากษาคดี นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นางคณิตดา กรรณสูตร ภรรยานายเปรมชัย และนางสาววันดี สมภูมิ คนใกล้ชิดภรรยาเปรมชัยในข้อหาครอบครองงาช้างแอฟริกา

ในความผิดฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกับ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดๆ ซึ่งรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรฯ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.ศุลกากรพ.ศ.2469

ทั้งนี้ นายเปรมชัย กรรณสูตร นางคณิตดา กรรณสูตร และนางสาววันดี สมภูมิ ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อฟังคำพิพากษา โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาทันที

ในการพิจารณาพิพากษาคดี ศาลพิเคราะห์แล้วได้ข้อเท็จจริงว่า นางคณิตดาได้มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแจ้งจดทะเบียนการครอบครองงาช้างที่ถูกยึดเป็นของกลางทั้ง 4 กิ่งในช่วงเวลาที่สามารถแจ้งจดทะเบียนได้ ทั้งงาช้างไทยและ งาช้างแอฟริกา ซึ่งดูจากเอกสารการแจ้งจดทะเบียนพบว่างาช้างที่ระบุในเอกสารการแจ้งจดทะเบียนมีลักษณะตรงกันกับงาช้างทั้ง 4 กิ่งที่ตรวจพบในบ้านของนายเปรมชัย

ขณะที่ตัวของนางคณิตดาไม่ได้มีพฤติการณ์หรือหลักฐานใดมายืนยันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจำแนกประเภทของงาช้าง ซึ่งพยานผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันการตรวจสอบประเภทงาช้างต้องตรวจดีเอ็นเอ

ขณะที่นางคณิตดายืนยันว่า งาช้างที่ตรวจพบนั้นเป็นมรดกจากมารดาปี 2530 เมื่อพิจารณาจากฐานไม้ทั้ง 4 กิ่งก็มีพยานผู้เชี่ยวชาญงานศิลปะยืนยันว่า ฐานไม้ดังกล่าวตรงตามงานศิลปะเมื่อประมาณ 30-40 ก่อน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าจากพฤติการณ์ที่นางคณิตดามอบอำนาจผู้อื่นจดทะเบียนครอบครองงาช้าง แสดงว่านางคณิตดาไม่ได้มีการครอบครองงาช้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ได้มีเจตนาที่จะแจ้งให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเอกสารมหาชน

ขณะที่นายเปรมชัยพนักงานสอบสวนได้เบิกความยืนยันว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองงาช้าง รวมงาช้างที่พบในบ้านของนายเปรมชัยนั้นไม่ได้มีการซุกซ่อนหรือปิดบังอำพราง แสดงให้เห็นถึงเจตตาที่บริสุทธิ์ของจำเลย

ส่วนนางวันดี ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารรับรองการครอบครองงาช้างนั้น ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน

ส่วนงาช้าของกลางที่มีคำร้องขอให้ศาลยึดเป็นสมบัติของแผนดินนั้น เมื่อพิจารณายกฟ้องคดีแล้ว ตามกฎหมายจะยึดงาช้างได้ต่อเมื่อครอบครองโดยผิดกฎหมาย แต่ในกรณีดังกล่าวจำเลยมิได้กระทำความผิด จึงพิพากษายกการยึดของกลางในคดี และคืนของกลางให้จำเลย

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ขอสังคมใจเย็น “เปรมชัย” ยังขึ้นศาลอีก 3 คดี