‘ธรณ์’โพสต์ยินดีศาลชั้นต้นรับฟ้องเรียกค่าเสียหาย120ลบ.เรือสินค้าชนปะการังเกาะสีชัง

‘ธรณ์’โพสต์ยินดีศาลชั้นต้นรับฟ้องเรียกค่าเสียหาย120ลบ.เรือสินค้าชนปะการังเกาะสีชัง


ผศ.ธรณ์ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความยินดีศาลชั้นต้นรับฟ้องแล้ว ตัดสินให้เจ้าของเรือสินค้าปานามาจ่ายค่าเสียหาย เหตุชนปะการังที่เกาะสีชัง ลุ้น2ศาลเห็นพ้อง5ปีเรื่องจบ

จากกรณีเรือสินค้าชื่อ GLODAL STANDARD สัญชาติ ปานามา ถูกลมพัดขึ้นเกยตื้นบริเวณเกาะร้านดอกไม้และชนแนวปะการังได้รับความเสียหายพื้นที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม2560

และผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยให้ความเห็นกับกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นการประเมินค่าเสียหายที่มีต่อปะการัง เมื่อเทียบกับกรณี เรือสัญชาติอังกฤษชนปะการังในประเทศอินโดนีเซีย มีการประเมินค่าเสียหาย คิดเป็นเงินไทยคือ ตารางเมตรละ 42,200 บาท ซึ่งกรณีความเสียหายที่เกาะสีชังนั้นพื้นที่ปะการังเสียหายทั้งหมด 1.725 ไร่ หรือประมาณ 2,800 ตารางเมตร คิดเป็นค่าเสียนหายประมาร 120 ล้านบาท. รวมทั้งได้เสนอแนวทางให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนั้น

ล่าสุด ผศ.ธรณ์ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เมื่อกว่า 2 ปีก่อน ผมเคยบอกเพื่อนธรณ์เรื่องเรือชนปะการังที่เกาะร้านดอกไม้ ว่าควรต้องมีการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย/ฟื้นฟู ถึงตอนนี้มีข่าวดีมาบอกครับ ศาลตัดสินให้จ่ายกว่า120ล้าน
ในอดีตที่ผ่านมา เวลาใครทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากร/ระบบนิเวศอย่างรุนแรง อาจถูกฟ้องบ้าง แต่แทบทุกครั้งค่าเสียหายต่ำต้อยนัก

บางเรื่องได้ยินแล้วแทบน้ำตาตก เช่น กรณีปลาตายในแม่น้ำต่างๆ เพราะมลพิษที่มีคนก่อชัดเจน แต่ค่าเสียหายต่อระบบนิเวศนั้น

ปัญหาสำคัญคือการประเมินมูลค่าระบบนิเวศของเรายังไม่สมบูรณ์ ทำให้การเรียกร้องไม่เป็นผล
เคราะห์ดีที่ในกรณีแนวปะการัง ทุกฝ่ายมาช่วยกัน ลงมือทำงาน ไม่ใช่แค่คอมเมนต์เพียงอย่างเดียว
เราศึกษาวิจัยจนได้มูลค่าระบบนิเวศ/มูลค่าการท่องเที่ยว/มูลค่าการฟื้นฟู ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดนั้น ใช้เวลา 20-30 ปี แต่ในที่สุดเราก็พร้อม
เมื่อเกิดกรณีเรือชนปะการัง กรมทะเลรีบลงพื้นที่ตรวจสอบ ผมช่วยเน้นย้ำให้เป็นข่าว
เมื่อได้หลักฐานตามต้องการ กรมทะเลเดินหน้าฟ้องร้อง
ผมไปศาลที่เมืองชลก็เพื่อให้รายละเอียดต่างๆ โดยหวังให้เกิดความยุติธรรมต่อทะเลและสรรพสัตว์
เมื่อ 2 วันก่อน พี่นิติกรบอกผมว่า ที่อาจารย์ไปช่วยให้การ ศาลตัดสินแล้วครับให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายมากกว่า 120 ล้านบาท
ยังบอกต่อว่า นี่ถือเป็นคดีตัวอย่างเลยครับ
ผมได้ยินแค่นั้น ผมขนลุกซู่ จากนั้นยิ้มไม่หุบทั้งวัน
ในใจคิดถึงอดีต หลายต่อหลายครั้งที่เราเห็นแนวปะการังพินาศเต็มตา เช่น เมื่อกว่า 30 ปีก่อนที่เกาะสุรินทร์ ผมเห็นเรือใหญ่เกยปะการังพังยับ แต่ทำอะไรไม่ได้
มันใช้เวลานานมากและใช้ความร่วมมือของทุกคนที่เห็นปัญหา จนมีวันนี้ได้
เชื่อว่าจากคดีตัวอย่างนี้ จะช่วยเป็นบรรทัดฐานสำหรับคดีอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นแนวปะการัง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
และจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกรณีเช่นนี้กับระบบนิเวศอื่นๆ บ้าง
สุดท้ายที่อยากบอกคือเราต้องเรียนรู้อดีตเพื่อทำอนาคต
เรียนรู้ไม่ใช่เพียงให้ความคิดเห็น จากนั้นก็ลืม แล้วให้ความเห็นกับเรื่องใหม่ๆ ต่อไป
เรียนรู้คือต้องลงมือทำและอดทนทำต่อจนเห็นผล
เช่นเรื่องแนวปะการัง พวกเราเหล่านักวิทยาศาสตร์ปะการังช่วยกันทำมาร่วม 30 ปี กว่าจะสร้างระบบที่สมบูรณ์พอใช้ในชั้นศาลได้
ยังต้องขอบคุณเพื่อนธรณ์ทุกคนที่ช่วยกดไลค์กดแชร์ สร้างกระแสช่วยกันตั้งแต่เมื่อกว่า 2 ปีก่อน
แม้บางเรื่องจะเงียบ แต่อะไรที่เคยบอกเคยขอร้องให้ช่วยกันไลค์ช่วยแชร์ จะทำแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่กระพือแล้วจบ ผมไม่ชอบทำแบบนั้น
จะทำไปเรื่อยๆ ทำสำเร็จจะมารายงานให้เพื่อนธรณ์ทราบแน่นอน
ตอนนี้คดีผ่านศาลชั้นต้นไปแล้ว น่าจะเหลืออุทธรณ์กับฎีกา อีกสัก 5 ปีคงจบ
ไม่มีอะไรง่ายๆ ในโลกนี้ แต่นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์ต้องมีความพยายามและความอดทน
แต่สำหรับวันนี้ ขอยิ้มแป้นครับ”

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ปัญหา ‘ทะเลรุกชายฝั่ง’ พูดง่ายแก้ยาก ฤาต้องอยู่กับเราไปอีก 80 ปี