ปอท. เรียกสอบ ปลอมบัญชีช่วยน้ำท่วม 24 ก.ย. นี้

ปอท. เรียกสอบ ปลอมบัญชีช่วยน้ำท่วม 24 ก.ย. นี้


ปอท. เรียกตัว คนปลอมบัญชีแอบอ้าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” บริจาคเงินช่วยน้ำท่วม พบพนักงานสอบสวน 24 ก.ย. 62 เวลา 10.00 น. ชี้ อาจเจอโทษถึงคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) ในฐานะโฆษก บก.ปอท. เปิดเผยว่า จากกรณี มีมิจฉาชีพอาศัยช่วงวิกฤตปลอมแปลงเลขบัญชี นำภาพและข้อความของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง และอาสาสมัครกู้ภัย ที่เปิดรับบริจาคเงินนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วมที่จังหวัด อุบลราชธานี มาทำการแอบอ้างเพื่อขอบริจาคเงิน โดย ทางธนาคารออมสิน ได้ออกมาโพสต์ผ่าน GSB Society เตือนถึงการการแอบอ้างเพื่อขอบริจาคเงินนั้น

ทางธนาคาร ได้ประสานตำรวจในท้องที่ มีการตรวจสอบเลขบัญชี และเชิญเจ้าของบัญชีดังกล่าวมาพบ พร้อมกับทั้งอายัดบัญชีนี้ ทำให้ไม่สามารถฝาก ถอน หรือทำธุรกรรมใด ๆ ได้อีกต่อไป และตอนนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ในเรื่องดังกล่าวนี้ ทาง บก.ปอท.ได้เฝ้าระวังและตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ถ้าผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้ประชาชนหลงเชื่อว่าบัญชีที่เขาโพสต์และมีรูปคุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ อยู่เป็นบัญชีที่รับบริจาคช่วยน้ำท่วมจริง อันนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และยังจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) โดยทุจริตนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันจะทำให้ประชาชนเกิดความเสียหาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ข่าวปลอมบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินบริจาคน้ำท่วมของคุณบิณฑ์ มีประชาชนสนใจเป็นจำนวนมาก พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท.ได้สั่งการมาให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งเจ้าของบัญชี ธนาคารออมสิน คนที่โพสต์เฟซบุ๊ก ให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 24 ก.ย. 62 เวลา 10.00 น. ที่บก.ปอท.

“เบื้องต้น จะให้ชี้แจงเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องตามความเป็นจริงก่อน ในส่วนของฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.ก็จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบในการดำเนินคดีต่อไป และฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่ากระทำการลักษณะอย่างนี้ เพราะ พี่น้องที่ประสบอุทกภัยก็ได้รับความเดือดร้อนยากลำบากพอดูอยู่แล้ว

การที่มีคนทีมีจิตอาสาเสียสละลงพื้นที่น้ำท่วม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมลงพื้นที่เปิดรับบริจาคนำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ดี ขออย่าใช้ช่องทางนี้ในการฉกฉวยประโยชน์ซ้ำเติมพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนอีกเลย นอกจากมีโทษทางกฎหมายที่ค่อนข้างสูงแล้วยังเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำผิดทั้งศีลธรรมและทุกอย่างขอฝากด้วย” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว