ชัดเจนแล้วในวันนี้ว่า กรณีเกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฎภาพความเสียหายนับเป็นหมื่นไร่ ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจจะไม่ใช่เหตุการณ์ทางธรรมชาติ หากแต่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์
นั่นเพราะ ฝีมือส่วนหนึ่งของการลุกไหม้ป่าพรุควนเคร็ง มีการกล่าวอ้างว่า มาจากการกระทำของขบวนการที่ต้องการยึดครองพื้นที่ นำเอาสมบัติของแผ่นดินมาของตนเอง
“พรุควนเคร็ง” ถือเป็นผืนป่าพรุ ประเภทพรุในที่ลุ่ม ริมทะเลสาบ และพื้นที่อนุรักษ์ ในป่าสงวนแห่งชาติ และป่าถาวรตามมติ ครม. มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 86,942 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอใน 2 จังหวัด ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ชะอวด อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
คุณค่าของ “ป่าพรุควนเคร็ง” คือการเป็นพื้นที่พรุรับน้ำที่มาจากต้นน้ำ และเก็บกักน้ำเอ่อล้นจากทะเลสาบ เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ โดยในพื้นที่ทั้ง 5 จุดที่เกิดไฟไหม้ พบพรรณไม้ทั้งสิ้น 260 ชนิด จาก 198 สกุล 95 วงศ์ พบสัตว์ป่าในพื้นที่พรุรอบทะเลน้อย รวมทั้งสิ้น 131 ชนิด ประกอบด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 10 ชนิด นก 77 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 32 ชนิด และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 12 ชนิด พบปลา 13 ครอบครัว 30 ชนิด
ขณะเดียวกัน ที่แห่งนี้ยังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านอาหารที่มีปลากว่า 8 ชนิด ได้แก่ ปลาสลิด ปลาช่อน ปลาหมอไทย ปลากดเหลือง ปลาดุกอุย ปลาไหลนา และปลาสลาด เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นปลาเศรษฐกิจ ที่ขายก็ได้ กินก็ดี รวมไปถึงปลาสวยงามกว่า 17 ชนิด ช่วยหล่อเลี้ยงคนในพื้นที่และสร้างรายได้จากอาชีพประมงท้องถิ่น นอกจากนี้ “พรุควนเคร็ง” ยังเป็นแหล่งพืชกระจูด วัตถุดิบสำหรับงานหัตถกรรมเสื่อของชุมชนโดยรอบอีกด้วย
แม้เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ “พรุควนเคร็ง” ก็ประสบปัญหาการเกิดไฟไหม้ในทุกปี ด้วยลักษณะตั้งอยู่ใกล้เคียงพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน จึงมีการบุกรุกเพื่อจับจองพื้นที่ใช้ทำการเกษตรเป็นประจำ
ภาพของการบุกรุกยิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้นในปัจจุบัน เมื่อนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสผู้วางเพลิงเผาป่า โดยให้รางวัลรายละ 5,000 บาท และหากศาลพิพากษาลงโทษก็จะได้รับรางวัลเพิ่มขึ้นถึง 50,000 บาท
สภาพของป่าพรุภายหลังไฟมอดแล้วในปัจจุบัน ปรากฎมีกลุ่มบุคคลเข้าไปรังวัดจัดแบ่งพื้นที่ที่ถูกไฟเผานับพันไร่ โดยมีการใช้เสาปูนปักเป็นแนวเขตแบ่งเป็นแปลง ในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งราคาที่ดินในบริเวณนั้นมีราคาประเมินอยู่ที่ 1.5 -2 แสนบาทต่อไร่
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ พบว่า ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์ ได้มีการทาสีต้นไม้ จัดการแบ่งพื้นที่ป่าออกเป็นแปลงไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า นี่จึงไม่ใช่การกระทำของชาวบ้านธรรมดาอย่างแน่นอน โดยส่วนกลางได้มีการส่งกำลังของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ่อล้อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว
ด้านแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในพื้นที่ ยืนยันกับ Thaiquote ว่า การกระทำในลักษณะนี้ ไม่ได้พบแต่เพียงพื้นที่ของป่าพรุควนเคร็ง เพียงเท่านั้น แต่ในพื้นที่อื่นๆ เช่น ป่าชายเลนของ อ.สิชล อ.หัวไทร พื้นที่รอยต่อจ.นครศรีธรรมราช และจ.สงขลา ก็พบว่ามีการบุกรุกเช่นเดียวกัน โดยผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ใครคือคนๆนั้น
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุด ในวันที่ 8 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้ แกนนำชาวบ้านในพื้นที่จะร่วมเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นเรื่องของพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่นำโดย นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.เขต 9 กทม. นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.เขต 1 จ.นครศรีธรรมราช และนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือ การบริหารจัดการงานด้านการอนุรักษ์ป่าพรุควนเคร็ง สาเหตุของการเกิดไฟไหม้ เป็นพื้นที่วงกว้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการนำในพื้นที่ เสนอทางออกและการแก้ไขโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย รวมทั้งคาดว่าอาจมีการเปิดเผยรายชื่อของผู้บงการไฟไหม้พรุควนเคร็งในครั้งนี้อีกด้วย
เครดิตภาพจาก : Theerapong Yimwan
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
มท.2 ลงพื้นที่ติดตามไฟป่า “พรุควนเคร็ง” ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว