“อนุทิน”เตรียมนำร่อง 50 รพ. รับ ยาจาก 500 ร้านยา คาดเริ่ม 1 ต.ค. นี้

“อนุทิน”เตรียมนำร่อง 50 รพ. รับ ยาจาก 500 ร้านยา คาดเริ่ม 1 ต.ค. นี้


อนุทิน เผย ที่ประชุม สปสช. ได้ข้อสรุปเบื้องต้น มาตรการลดแออัดของ โรงพยาบาล โดยการให้ผู้ป่วยรับยาตามใบสั่งจาก ร้านขายยา นำร่อง 50 รพ. 500 ร้านยา พร้อม 3 แนวทางการดำเนินงาน เตรียมสรุปในบอร์ด สปสช. 2 ก.ย.62 คาดเริ่มได้ 1 ต.ค. นี้

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ สปสช. วาระพิเศษ ครั้งที่ 1/2562 และมอบนโยบายการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วยรองเลขาธิการ สปสช.และคณะผู้บริหารร่วมประชุม พร้อมหารือถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดเวลาการเข้ารับบริการของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลด้วยการจัดบริการรับยาที่ร้านขายยาคุณภาพ นอกจากเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วยแล้วยังลดความแออัดในโรงพยาบาล

นายอนุทิน กล่าวว่า จากที่ได้มอบนโยบายในการประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ในการจัดบริการเพื่อให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาคุณภาพ ที่ผ่านมา สปสช. ได้เร่งดำเนินการหารือกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงสาธารณสุขและสภาเภสัชกรรมเพื่อวางแนวทางในการดำเนินการ มีข้อสรุปเบื้องต้น จะนำร่องในโรงพยาบาล 50 แห่ง และร้านยาคุณภาพ 500 แห่งทั่วประเทศ จำกัดการจ่ายยาเฉพาะ 4 โรค ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และจิตเวช ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยต้องได้รับยาต่อเนื่อง รวมจำนวนอยู่ที่ร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ในส่วนการดำเนินการได้ออกแบบไว้ 3 ทางเลือก

ทางเลือกที่ 1 คือโรงพยาบาลเป็นผู้จัดยาและส่งยาไปที่ร้านยาคุณภาพเพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ รพ.ศิริราชดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน สามารถลดความแออัดใน รพ.ได้ แต่ไม่ลดภาระงาน

ทางเลือกที่ 2 คือ นำยาไปสำรองไว้ที่ร้านยาคุณภาพ และให้เภสัชกรร้านยาเป็นผู้จัดยาตามใบสั่งแพทย์ เสมือนเป็นห้องจ่ายยาย่อยของ รพ. ที่ต้องมีระบบจัดการคลังยา และ

ทางเลือกที่ 3 คือร้านยาคุณภาพเป็นผู้จัดซื้อยาและสำรองยาในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเอง โดย รพ.เป็นผู้ตามจ่ายค่ายาให้ร้านยาคุณภาพ อย่างไรก็ตามในการดำเนินการจะมีการดูแลค่าใช้จ่ายบริหารจัดการของโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายของร้านยาคุณภาพในการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยที่จะจัดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมเพื่อสรุปอีกครั้งว่าจะเลือกแนวทางใด และนำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด สปสช.วันที่ 2 กันยายน 2562 เพื่อเดินหน้า โครงการต่อไป คาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นี้ โดยที่ประชุมยังได้หารือในประเด็น ระเบียบหรือ กฎหมายที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน เพื่อหาทางแก้ไขให้สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ด้วย

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วจะมีคณะทำงานติดตามและประเมินผลอีกครั้ง ร้านยาที่เข้าร่วมจำกัดเฉพาะร้านยา ขย.1 ที่เป็นร้านยาคุณภาพและมีเภสัชกรประจำทำหน้าที่จ่ายยา ผลที่เกิดขึ้นนอกจากการเพิ่มความสะดวกในการรับยาของผู้ป่วยแล้ว ยังต้องลดความแออัดผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถึงการลดภาระให้กับโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ไม่บังคับให้ทุกโรงพยาบาลและผู้ป่วยต้องทำ เพราะโรงพยาบาลในต่างจังหวัดได้กระจายให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงรับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อยู่แล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ป่วยและโรงพยาบาลเองว่าจะเลือกแบบใด จะรับยาที่ร้านขายยาหรือรับยาที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม ทั้งนี้นโยบายนี้ยังสอดคล้องกับโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นที่ สปสช.ได้เดินหน้าแล้ว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“อนุทิน” ยันไม่มีร่วมจ่าย ‘บัตรทอง’ ลั่น! รบ.นี้ ไม่เพิ่มภาระ ปชช.