ไฟประท้วงที่ลุกโชน ถอดรหัส “3ข้อเรียกร้อง” ของหนุ่มสาวฮ่องกง

ไฟประท้วงที่ลุกโชน ถอดรหัส “3ข้อเรียกร้อง” ของหนุ่มสาวฮ่องกง


โดย..กองบรรณาธิการ ThaiQuote

หลายแสนชีวิตที่คราคร่ำไปตามท้องถนน แต่ละชุมชน อาคาร บ้านเรือน ห้างร้าน หรือแม้แต่สนามบิน หลายแสนชีวิตนั้นบางส่วนปิดบังใบหน้า บางส่วนเผยให้เห็น หรือบางส่วนจะมีเพียงแค่สายตาที่เกรี้ยวกราดโผล่ออกมาให้เห็น

และหลายแสนชีวิตนั้น คือ “ชาวฮ่องกง”

คนหนุ่มสาวของฮ่องกงออกมาประท้วงอย่างหนักและต่อเนื่องดั่งที่หลายสำนักข่าวตีแผ่ออกไปทั่วโลก เป้าหมายคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศ พวกเขาต้องการประชาธิปไตย และอิสระจากการปกครองของแผ่นดินใหญ่อย่างจีน จากจุดเริ่มต้นในข้อเรียกร้องปมประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากฮ่องกงไปรับโทษทัณฑ์ที่เมืองจีน กระทั่งไฟถูกจุดติดขึ้นมานำไปสู่ประชาธิปไตยของฮ่องกง และหยุดการปกครองแบบ “1 ประเทศ 2 ระบบ” ให้หมดไปเร็วขึ้น จากข้อกำหนดและข้อตกลงเดิมระหว่าง ฮ่องกงและจีน ว่าระบบนี้จะหมดลงในอีก 28 ปีข้างหน้า หรือในปี 2590 จากเดิมที่ใช้รูปแบบการปกครอง 1 ประเทศ 2 ระบบในกรอบข้อตกลง 50 ปี

แต่มันจะเพียงเท่านั้นจริงหรือ และข้อเรียกร้องของพวกเขามันมีสิ่งใดอยู่ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้้บ้างล่ะ?

จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง อีกหนึ่งพื้นที่ของโลกที่เป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลกใบนี้ เราพออนุมานและวิเคราะห์ข้อเรียนกร้องของหนุ่มสาวฮ่องกงได้ ดังนี้

1.เรียกร้องเอาประชาธิปไตย
อย่างที่ข้างต้นบอกเอาไว้ว่าชนวนเหตุมาจากเรื่อง “การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” จากฮ่องกงสู่แผ่นดินใหญ่เพื่อให้พิจารณาโทษ จุดนี้เองที่ชาวฮ่องกงมองว่า “ไม่ใช่อิสรภาพ” แม้แต่การจะให้ตัดสินคนของตัวเองก็ยังทำไม่ได้ และมันถูกจุดความคิดขึ้นมาว่า หากมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาอย่างสมบูรณ์ จะเป็นสัญญาณอันตรายว่ารัฐบาลจีน จะสามารถชี้นิ้วเลือกเอาคนที่ต้องสงสัย หรือคนผิดในแผ่นดินฮ่องกงข้ามทะเลไปขึ้นศาลจีนได้อย่างสะดวก
 

แม้ว่าทางการฮ่องกงจะระงับร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้วเพราะเกิดกระแสคัดค้านอย่างหนัก และลุกลามไปสู่การชุมนุมครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมวลชนฮ่องกงได้ เมื่อการต่อสู้จากเรื่องร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ลุกลามไปถึงเรื่องข้อเรียกร้องให้ปลดแอก “ฮ่องกง” เพื่อก้าวสู่คำว่าประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์

2.เรียกร้องความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ
ฮ่องกงในสายตาโลก คือศูนย์กลางของเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง หลากหลายสถาบันการเงินระดับโลกยึดเอาเขตปกครองพิเศษแห่งนี้เป็นที่ตั้งสำนักงาน แต่ภาพสวยหรูภายนอกยังไม่อาจสะท้อนความเป็นอยู่ที่แท้จริงในฮ่องกง เพราะความเหลื่อมล้ำและช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนของฮ่องกงยังห่างกันอยู่มากทีเดียว ตัวเลขระบุว่าประชากรที่รวยที่สุดในฮ่องกง มีทรัพย์สินมากกว่าคนที่จนที่สุดในฮ่องกงมากถึง 44 เท่าด้วยกัน 

 

นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่คนฮ่องกงออกมาประท้วงกัน เพราะความเหลื่อมล้ำ และไม่เท่าเทียมกันในการใช้ชีวิต แม้จะขึ้นชื่อว่าได้อยู่อาศัยในดินแดนแห่งหนึ่งที่ศิวิไลซ์ของโลกเองก็ตาม

สิ่งที่สำทับ “ความต่าง” เห็นได้ชัดจากภาพของที่อยู่อาศัย คนฮ่องกงหลายคนยังคงต้องพักอาศัยในห้องที่คับแคบ มีเพียงแค่เตียงนอนและสิ่งของส่วนตัว หรือบางครอบครัวยังต้องใช้ห้องน้ำเป็นห้องครัว หรือเป็นจุดกินข้าว และที่น่าสนใจคือราคาบ้านพักในฮ่องกงยังติดอันดับ “แพงที่สุดในโลก” แซงหน้าเมืองเอกของโลกไปแทบไม่เห็นฝุ่น ทั้งมหานครนิวยอร์ก สหรัฐฯ และกรุงลอนดอน อังกฤษ

การประท้วงเพื่อ “ชีวิตที่ดีกว่า” เป็นความหวังของผู้ที่ออกมาเรียกร้องบนท้องถนนฮ่องกง แต่อีกนัยหนึ่งก็เสี่ยงจะ “แย่ลงมากกว่าเดิม” เพราะหากการประท้วงนำไปสู่การพังพินาศและทลายลงของระบบเศรษฐกิจฮ่องกง มันก็ยิ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนแห่งนี้อาจจะแย่ตามลงไป

3.ความเป็น “ฮ่องกง”
ความรู้สึกที่เป็น “คนฮ่องกง” มากกว่าความเป็น “คนจีน” ผุดขึ้นมาในความคิดของคนรุ่นใหม่อย่างมาก มหาวิทยาลัยฮ่องกงเองก็เคยสำรวจหนุ่มสาวของฮ่องกงและพบว่าพวกเขาระบุตัวตนว่าไม่ใช่ “คนจีน” หากแต่คือคนฮ่องกง และเป็นจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศสำหรับวัยหนุ่มสาวหรือคนที่อยู่ในช่วงอายุ 18-29 ปี มองตัวเอง

และในช่วงอายุนี้เองจะมีเพียงแค่ 9% เท่านั้นที่มองว่าตัวเองคือ “คนจีน”

ความเป็นฮ่องกงอันเป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง จึงพอกพูนความยิ่งใหญ่ให้ประกาศตัว ออกมาร่วมชุมนุม กดดันให้ตัวเองหลุดพ้นร่มเงาของพญามังกรจากแผ่นดินใหญ่โดยเร็วที่สุด

ทั้ง 3 เหตุผลที่เป็นข้อเรียกร้องของหนุ่มสาว “ฮ่องกง” ขณะนี้ถูกจุดติดขึ้นมาแล้ว และเชื่อได้ว่ามาถึงชั่วยามนี้มันช่างยากเย็น และเป็นงานหนักของการยับยั่งพลังหนุ่มสาวครั้งนี้แน่นอน แต่ท้ายสุดบทสรุปมันจะลงเอยด้วยความสวยงาม หรือความวายป่วง วินาทีนี้ก็ยังไม่อาจจะหยั่งรู้ได้

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
สถานกงสุลเตือนคนไทยในฮ่องกงเลี่ยงพื้นที่การชุมนุม