“บิ๊กตู่” นั่งหัวหน้า ”พปชร.” สลัดคราบ คสช. ขอเป็นนักการเมืองเต็มตัว

“บิ๊กตู่” นั่งหัวหน้า ”พปชร.” สลัดคราบ คสช. ขอเป็นนักการเมืองเต็มตัว


แว่วเสียงลือจากค่ายพลังประชารัฐ เตรียมนับวันรอต้อนรับหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังเสร็จแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยมีชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการเสนอชื่อในที่ประชุมใหญ่ของพรรคภายในเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้

เหตุผลใด “บิ๊กตู่” จึงต้องนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หากคิดแบบตื้นๆ คงเป็นเพราะการตั้งพรรคพลังประชารัฐในครั้งเริ่มต้นนั้น เต็มไปด้วยข้อครหาของการเป็นพรรคภายใต้ร่มเงา คสช. แต่วันนี้เมื่อตำแหน่งหัวหน้า คสช.ของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสภาพ จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องยักย้ายถ่ายโอนไปสู่เจ้าของตัวจริง

ที่ผ่านมา กระแสความแตกแยกของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด จากบุคคลการเมืองหลายกลุ่มมารวมตัวกัน ภาพการประสานเป็นเนื้อเดียวด้วยนักการเมืองรุ่นใหม่ในสังกัดจึงรั้งเอารุ่นใหญ่ทั้ง กลุ่มสามมิตร กปปส. กลุ่มส.ส.ภาคกลาง อีสาน และพลังชล เอาไว้ไม่อยู่ เท่าที่ผ่านมาจึงทำได้แค่ประคองเวลารอเจ้าของตัวจริง

ต่อข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สมัครเป็นสมาชิก พปชร.แล้ว โดยมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้นำใบสมัครไปยื่นนั้น กระทั่งทุกวันนี้ยังไม่มีใครเคยเห็นใบสมัครดังกล่าว และจากการสอบถามแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส กลับได้รับคำตอบแค่เพียงว่า “ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว”

แน่นอนแม้ยังไม่เห็นใบสมัคร แต่ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พร้อมจะนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้วก็มีความชัดเจน เพราะหากปล่อยสถานการณ์ในพรรคเป็นอย่างในปัจจุบัน ก็เชื่อว่า “ไฟสุมทรวง” ระหว่าง “กลุ่มสามมิตร” ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน กับ “ก๊วน กปปส.” ที่นำโดย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ก็พร้อมรอวันกระพือโหมแรงไฟได้ในทุกนาที ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องลงมาเคลียร์ในจุดนี้ พร้อมด้วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค

ขณะเดียวกัน ตำแหน่งที่จะต้องเปลี่ยนมืออีก 1 ตำแหน่งคือ เลขาธิการพรรค ซึ่งที่ผ่านมาเก้าอี้ตัวนี้เคยร้อนเป็นไฟมาแล้วครั้งหนึ่ง จากการที่ นายสิระ เจนจาคะ เตรียมยื่นเสนอเรื่องให้พิจารณาความเหมาะสมของตำแหน่งดังกล่าว ที่มี นายสนธิรัตน์ สนธิจริวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ครอบครองอยู่ ก่อนที่จะมีการเคลียร์ใจแถลงข่าวยุติความขัดแย้งโดยหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน อย่าง นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

เป็นที่คาดการณ์ว่า ตำแหน่งเลขาฯพรรค จะตกเป็นของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งดูดีมีภาษีในสายตาของคนในทำเนียบ แน่นอนว่านี่อาจกลายเป็นลมเพชรหึง โหมถ่านที่ยังครุกรุ่นให้กลายเป็นกองไฟกลางพรรค พปชร.อีกครั้งหนึ่ง เพราะอย่างไรก็ตาม “สามมิตร” คงไม่ปล่อยให้ทางสะดวกอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับเรื่องของการบริหารจัดการภายในพรรค ซึ่งในขณะนี้ ไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดที่เป็นรัฐมนตรียอมลาออกจากการเป็นส.ส. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายชื่อถัดไปขยับขึ้นมาเป็นส.ส.แทน

สำหรับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่เป็นรัฐมนตรีที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคือกลุ่มความขัดแย้งเดิม อย่าง นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้คาดการณ์ว่า กลุ่มสามมิตรเอง ไม่มีความคิดที่จะลาออกอย่างแน่นอน เนื่องจากอย่างไรก็จะต้องถ่วงดุลอำนาจของก๊วน กปปส.ไว้ให้ถึงที่สุด ทำให้ “บิ๊กตู่” จะต้องใช้อำนาจความเป็นหัวหน้าพรรคชี้ชัดลงไป เพราะอย่าลืมว่า ขณะนี้เสียง ส.ส.ที่มีอยู่ก็ปริ่มน้ำอยู่แล้ว หากขาดไปอีก 4 เสียง ก็แทบจะสำลักน้ำ ต้องคอยต้อน ส.ส.ไม่ให้ ขาด ลา มาสาย ในทุกนัดที่มีการประชุมสภาฯ

อย่างไรก็ตาม สุดท้าย ความต้องการของพล.อ.ประยุทธ์ แท้จริงนอกจากจะสร้างความเป็นเอกภาพภายในกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การเคลียร์ตัวเอง สลัดคราบหัวหน้าคสช. ภาพของเผด็จการ สู่ภาพนักการเมืองเต็มตัว โดยมีจุดมุ่งหมายตามโรดแม็บที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เอ่ยไว้ว่า จะดูแลให้รัฐบาลนี้ อยู่ตลอดรอดฝั่งจนครบ 4 ปี

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“สมศักดิ์”จัดฝีปาก 7 ชุดช่วย “บิ๊กตู่-รมว.ท็อปบู๊ต”ฝ่าฝ่ายค้าน